เหล็กใน
ภายหลังพรรคประชาธิปัตย์มีมติไม่ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ
หลายคนจับตามองไปยัง 5 พรรคร่วมรัฐบาลจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
เรื่องไม่พอใจจนถึงขั้นถอนตัวจากรัฐบาลนั้น เป็นไปไม่ได้
ส่วนเพราะอะไรถึงไม่กล้าถอนตัว มีการวิเคราะห์กันไว้แล้วมากมายตามที่เป็นข่าวช่วงที่ผ่านมา จึงขอละไว้ไม่กล่าวซ้ำ
อย่างไรก็ตาม หลายคนเชื่อว่าถึงพรรคร่วมรัฐบาลไม่ถอนตัว
แต่คงต้องหาทาง "สั่งสอน" พรรคประชาธิปัตย์ด้วยวิธีการอื่น
มีเสียงเตือนให้ระวังการประชุมสภาที่อาจมีปัญหาเรื่อง "องค์ประชุม" ได้
พูดยังไม่ทันขาดคำปรากฏสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุการณ์ "สภาล่ม" ถึง 2 วันติดกัน
ทั้งที่สภาเพิ่งเปิดสมัยประชุมมาได้เพียง 2 สัปดาห์
แล้วก็เป็นเหมือนทุกครั้งที่สภาล่ม
นั่นคือรัฐบาลกับฝ่ายค้านจะรีบตั้งโต๊ะเปิดแถลงข่าวโทษกันไปมากล่าวหาอีกฝ่ายคือตัวต้นเหตุ
รัฐบาลจะกล่าวหาฝ่ายค้านจ้องแต่ตีรวน
เสนอนับองค์ประชุมเสร็จแล้วก็เดินจากห้อง บางทีนั่งอยู่แต่ไม่เสียบบัตรแสดงตน ฯลฯ
ด้านฝ่ายค้านก็จะกล่าวโทษส.ส.รัฐบาลขี้เกียจสันหลังยาว
ทำงานไม่คุ้มเงินเดือนจากภาษีประชาชน ไม่สมที่ได้รับเลือกเป็นผู้แทนราษฎร
ที่สำคัญต้องอย่าลืมว่ารัฐบาลเป็นฝ่ายถือเสียงข้างมากในสภา
ต่อให้ฝ่ายค้านเสนอนับองค์ประชุมสภาร้อยครั้ง ถ้าส.ส.รัฐบาลมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่
คงไม่เกิดเหตุการณ์อัปยศอดสูอย่างที่เห็น
แสบพอกันทั้งรัฐบาล-ฝ่ายค้าน
แต่ครั้งนี้ฝ่ายค้านฉวยโอกาสตอกลิ่มลึกลงไปอีกหน่อย
ว่าเหตุสภาล่มเป็นเพราะพรรคร่วมรัฐบาล "วางยา" กันเอง อันเป็นผลพวงจากความขัดแย้งเรื่องแก้รัฐ ธรรมนูญ
ยังดีที่สภาล่มเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกิดในช่วงไม่มีวาระการลงมติเรื่องสำคัญ
แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนให้ประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น
โดยเฉพาะในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมีขึ้น
ถ้ารัฐบาลมัวแต่ระวังเรื่องม็อบเสื้อแดงเตรียมเคลื่อน ไหวใหญ่นอกสภา
โดยละเลยมองข้ามปัญหา "ภัยเงียบ" ในสภา
ไม่ใช่จากฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทย แต่จากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง
ก็จะเป็นเรื่องอันตรายอย่างมาก
เพราะนั่นจะเป็นประเด็นชี้ขาดชะตากรรมรัฐบาลโดยแท้จริง
หลายคนจับตามองไปยัง 5 พรรคร่วมรัฐบาลจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
เรื่องไม่พอใจจนถึงขั้นถอนตัวจากรัฐบาลนั้น เป็นไปไม่ได้
ส่วนเพราะอะไรถึงไม่กล้าถอนตัว มีการวิเคราะห์กันไว้แล้วมากมายตามที่เป็นข่าวช่วงที่ผ่านมา จึงขอละไว้ไม่กล่าวซ้ำ
อย่างไรก็ตาม หลายคนเชื่อว่าถึงพรรคร่วมรัฐบาลไม่ถอนตัว
แต่คงต้องหาทาง "สั่งสอน" พรรคประชาธิปัตย์ด้วยวิธีการอื่น
มีเสียงเตือนให้ระวังการประชุมสภาที่อาจมีปัญหาเรื่อง "องค์ประชุม" ได้
พูดยังไม่ทันขาดคำปรากฏสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุการณ์ "สภาล่ม" ถึง 2 วันติดกัน
ทั้งที่สภาเพิ่งเปิดสมัยประชุมมาได้เพียง 2 สัปดาห์
แล้วก็เป็นเหมือนทุกครั้งที่สภาล่ม
นั่นคือรัฐบาลกับฝ่ายค้านจะรีบตั้งโต๊ะเปิดแถลงข่าวโทษกันไปมากล่าวหาอีกฝ่ายคือตัวต้นเหตุ
รัฐบาลจะกล่าวหาฝ่ายค้านจ้องแต่ตีรวน
เสนอนับองค์ประชุมเสร็จแล้วก็เดินจากห้อง บางทีนั่งอยู่แต่ไม่เสียบบัตรแสดงตน ฯลฯ
ด้านฝ่ายค้านก็จะกล่าวโทษส.ส.รัฐบาลขี้เกียจสันหลังยาว
ทำงานไม่คุ้มเงินเดือนจากภาษีประชาชน ไม่สมที่ได้รับเลือกเป็นผู้แทนราษฎร
ที่สำคัญต้องอย่าลืมว่ารัฐบาลเป็นฝ่ายถือเสียงข้างมากในสภา
ต่อให้ฝ่ายค้านเสนอนับองค์ประชุมสภาร้อยครั้ง ถ้าส.ส.รัฐบาลมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่
คงไม่เกิดเหตุการณ์อัปยศอดสูอย่างที่เห็น
แสบพอกันทั้งรัฐบาล-ฝ่ายค้าน
แต่ครั้งนี้ฝ่ายค้านฉวยโอกาสตอกลิ่มลึกลงไปอีกหน่อย
ว่าเหตุสภาล่มเป็นเพราะพรรคร่วมรัฐบาล "วางยา" กันเอง อันเป็นผลพวงจากความขัดแย้งเรื่องแก้รัฐ ธรรมนูญ
ยังดีที่สภาล่มเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกิดในช่วงไม่มีวาระการลงมติเรื่องสำคัญ
แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนให้ประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น
โดยเฉพาะในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมีขึ้น
ถ้ารัฐบาลมัวแต่ระวังเรื่องม็อบเสื้อแดงเตรียมเคลื่อน ไหวใหญ่นอกสภา
โดยละเลยมองข้ามปัญหา "ภัยเงียบ" ในสภา
ไม่ใช่จากฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทย แต่จากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง
ก็จะเป็นเรื่องอันตรายอย่างมาก
เพราะนั่นจะเป็นประเด็นชี้ขาดชะตากรรมรัฐบาลโดยแท้จริง