คอลัมน์ เหล็กใน
รัฐบาลพยายามสร้างภาพการชุมนุมของม็อบเสื้อแดงไว้อย่างน่ากลัว
พรรคประชาธิปัตย์ โดยบรรดาสารพัดโฆษกปากดีทั้งหลาย ออกมาสาดโคลน ทาสี ละเลงความชั่วร้ายให้อย่างสนุกปาก
แถมคนที่ทำหน้าที่โฆษกรัฐบาล มาจากนักวิชาการแท้ๆ ยังไม่ทันไรก็เปลี่ยนสี เป็นยิ่งกว่านักการเมือง
ทำราวกับว่ากลุ่มคนดังกล่าวไม่ใช่คนไทย
มีการประกาศโซนต้องควบคุม บดบี้ขยี้ให้แหลกลาญในพื้นที่ 38 จังหวัด พร้อมกับตั้งด่านสกัดกั้นอย่างหนาแน่นรวม 200 ด่าน
เพราะเหมารวมเอาว่ากลุ่มเสื้อแดงคือกลุ่มพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการทวงอำนาจ ทวงสมบัติคืน
โดยไม่ได้แยกแยะว่าผู้ออกมาเคลื่อนไหว เพราะไม่ชอบพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ชอบรัฐบาลที่มีที่มาอย่างไม่ถูกต้องก็มี
อีกส่วนหนึ่ง ก็คือเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยจริงๆ นั่นคือ ร่วมแสดงพลังไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติ และเรียกร้องการนำเอารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 กลับคืนมา
หากมองย้อนกลับไปตอนที่ม็อบเหลืองเคลื่อนไหว ซ่องสุมอาวุธ ยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน
พรรคประชาธิปัตย์ แทบจะไม่เคยปริปากออกมาตำหนิเลย
แถมนักการเมืองอาวุโสอย่างนายถวิล ไพรสณฑ์ ออกมาอธิบายความชอบธรรมของการกระทำดังกล่าวว่าเป็นเครื่องสำหรับขับไล่รัฐบาล
บางคนยังให้ท้าย ส่งเสบียง บริจาคเงินสนับสนุน บางคนแอบไปร่วมชุมนุมก็มี
สำหรับการชุมนุมเสื้อแดงครั้งใหม่นี้ ตอนแรกดูเหมือนจะดำเนินไปสู่ความรุนแรงจริงๆ
เพราะมีนายพล 2 คน บอกจะจัดตั้งกองทัพประชาชน
แถมจะให้"พ่อใหญ่จิ๋ว"พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผบ. อีกต่างหาก
น่ายินดีที่แกนนำนปช.แดงทั้งแผ่นดิน อย่างนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และน.พ.เหวง โตจิราการ ไม่เอาด้วย ปฏิเสธแนวคิดและวิธีการดังกล่าว
ประกาศแยกทางเด็ดขาดว่าการเคลื่อนไหวของพล.ต.ขัตติ ยะ สวัสดิผล และพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เป็นคนละส่วน ไม่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง
พร้อมกับย้ำว่าระบุขบวนการเสื้อแดงจะต้องดำเนินต่อไปด้วยหลักสันติ อหิงสา เคลื่อนไหวเหมือนกองทัพธรรมที่จะทำสงครามความคิดระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับเผด็จการอำมาตย์
แกนนำคนเสื้อแดงคงประเมินแล้วว่าเหตุการณ์ช่วงวันสงกรานต์ ที่พลาดท่าพ่ายแพ้ เพราะมีบางกลุ่มนิยมความรุนแรง จนเป็นเหตุให้รัฐบาลอาศัยช่องโหว่ระดมทหารออกมาปราบปราม
ถูกต้องแล้ว ที่เสื้อแดงจะไม่ย่ำเดินตามรอยที่กลุ่มพันธ มิตรสร้างตราบาปกับระบอบประชาธิปไตยเอาไว้
ไม่ต้องมีนักรบเจ้าตากหรือโรนิน แบบเดียวกับนักรบศรีวิชัย
มีแต่สันติวิธีและอหิงสาเท่านั้น ที่จะจรรโลงประชา ธิปไตยให้งดงามได้
พรรคประชาธิปัตย์ โดยบรรดาสารพัดโฆษกปากดีทั้งหลาย ออกมาสาดโคลน ทาสี ละเลงความชั่วร้ายให้อย่างสนุกปาก
แถมคนที่ทำหน้าที่โฆษกรัฐบาล มาจากนักวิชาการแท้ๆ ยังไม่ทันไรก็เปลี่ยนสี เป็นยิ่งกว่านักการเมือง
ทำราวกับว่ากลุ่มคนดังกล่าวไม่ใช่คนไทย
มีการประกาศโซนต้องควบคุม บดบี้ขยี้ให้แหลกลาญในพื้นที่ 38 จังหวัด พร้อมกับตั้งด่านสกัดกั้นอย่างหนาแน่นรวม 200 ด่าน
เพราะเหมารวมเอาว่ากลุ่มเสื้อแดงคือกลุ่มพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการทวงอำนาจ ทวงสมบัติคืน
โดยไม่ได้แยกแยะว่าผู้ออกมาเคลื่อนไหว เพราะไม่ชอบพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ชอบรัฐบาลที่มีที่มาอย่างไม่ถูกต้องก็มี
อีกส่วนหนึ่ง ก็คือเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยจริงๆ นั่นคือ ร่วมแสดงพลังไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติ และเรียกร้องการนำเอารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 กลับคืนมา
หากมองย้อนกลับไปตอนที่ม็อบเหลืองเคลื่อนไหว ซ่องสุมอาวุธ ยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน
พรรคประชาธิปัตย์ แทบจะไม่เคยปริปากออกมาตำหนิเลย
แถมนักการเมืองอาวุโสอย่างนายถวิล ไพรสณฑ์ ออกมาอธิบายความชอบธรรมของการกระทำดังกล่าวว่าเป็นเครื่องสำหรับขับไล่รัฐบาล
บางคนยังให้ท้าย ส่งเสบียง บริจาคเงินสนับสนุน บางคนแอบไปร่วมชุมนุมก็มี
สำหรับการชุมนุมเสื้อแดงครั้งใหม่นี้ ตอนแรกดูเหมือนจะดำเนินไปสู่ความรุนแรงจริงๆ
เพราะมีนายพล 2 คน บอกจะจัดตั้งกองทัพประชาชน
แถมจะให้"พ่อใหญ่จิ๋ว"พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผบ. อีกต่างหาก
น่ายินดีที่แกนนำนปช.แดงทั้งแผ่นดิน อย่างนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และน.พ.เหวง โตจิราการ ไม่เอาด้วย ปฏิเสธแนวคิดและวิธีการดังกล่าว
ประกาศแยกทางเด็ดขาดว่าการเคลื่อนไหวของพล.ต.ขัตติ ยะ สวัสดิผล และพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เป็นคนละส่วน ไม่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง
พร้อมกับย้ำว่าระบุขบวนการเสื้อแดงจะต้องดำเนินต่อไปด้วยหลักสันติ อหิงสา เคลื่อนไหวเหมือนกองทัพธรรมที่จะทำสงครามความคิดระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับเผด็จการอำมาตย์
แกนนำคนเสื้อแดงคงประเมินแล้วว่าเหตุการณ์ช่วงวันสงกรานต์ ที่พลาดท่าพ่ายแพ้ เพราะมีบางกลุ่มนิยมความรุนแรง จนเป็นเหตุให้รัฐบาลอาศัยช่องโหว่ระดมทหารออกมาปราบปราม
ถูกต้องแล้ว ที่เสื้อแดงจะไม่ย่ำเดินตามรอยที่กลุ่มพันธ มิตรสร้างตราบาปกับระบอบประชาธิปไตยเอาไว้
ไม่ต้องมีนักรบเจ้าตากหรือโรนิน แบบเดียวกับนักรบศรีวิชัย
มีแต่สันติวิธีและอหิงสาเท่านั้น ที่จะจรรโลงประชา ธิปไตยให้งดงามได้