นายสาธิต ปิตุเดชะ ส.ส.ปชป. ให้ความเห็นกรณี เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล พ่นน้ำลายครั้งล่าสุด ว่า จะมีการลอบสังหาร ผู้พิพากษา กกต. ป.ป.ช. เพราะคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ใกล้วันชี้ชะตา 26 ก.พ.ว่า
คนเพี้ยน
นั่นสิ ถ้าคนยังมีสติอยู่กับตัว จะ “เพี้ยน” พูดแบบนั้นได้ไง มันเกินคึกคะนองแล้ว เข้าข่ายห่าม ไร้วุฒิภาวะ และรนหาเหาใส่หัวจริง ๆ เห็นด้วยเลย ควรดำเนินคดีเลย พล่อยแบบนี้
ข้อสำคัญ ที่คิดว่า พูดแล้วจะช่วย นายใหญ่ มันกลับจะตรงข้าม ถึงไม่ได้สั่ง ไม่ได้ชี้นำ แล้วใครจะเชื่อ ตอนนี้ใครก็ชี้หน้าใส่นายใหญ่อยู่ดีว่า เป็นไอ้โม่ง แอบสั่งการ เด็กอนุบาลยังรู้ จะเกิดผลดี หรือ ผลร้ายแน่
เหนืออื่นใด นี่จะเป็นข้ออ้างอำมาตย์-ขุนทหาร เอาเป็นเงื่อนไข ปราบปรามขบวนการประชาธิปไตยหนักมือขึ้น เหมือนจู่ ๆ “มือมืด” ปาอึผสมปลาร้าใส่บ้าน นายกรัฐมนตรี แถวสุขุมวิท ซึ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง
และทันทีเลย นายกฯบอกโยงคดี 7.6 หมื่นล้าน ก็ว่าไป แต่ บิ๊กตำรวจ นี่สิ ไม่ทันสืบสวนตามหน้าที่ พูดผ่านทีวีปั๊บ คนเสื้อแดงแน่ ๆ ทำไมไม่คิดว่าพวกพรรคร่วมที่ ปชป.หักหลังไม่แก้รธน. จะปาขี้ประท้วงบ้างล่ะ
เห็นรึยัง อะไรกำลังเกิดขึ้น (โกว เล้งบอก คนมีอำนาจถึงจุดหนึ่ง อาจสร้างสถานการณ์อะไรก็ได้)
แต่ที่ต้องชื่นชม คือ นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ที่ให้สัมภาษณ์แบบสุขุม สมเป็นตุลาการว่า ได้เช็กข่าวกับสำนักข่าวกรองแห่งชาติและหน่วยงานเกี่ยวข้องแล้ว ปรากฏว่า ยังไม่ มีการแจ้งเตือนมา และได้แจ้งให้ นายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกาทราบแล้ว
เห็นว่าแค่เป็นการปล่อยข่าว เพื่อหวังผลคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน แต่องค์คณะ 9 คน ไม่หวั่นไหว และได้ประสานหน่วยงานดูแลความปลอดภัย ให้มาช่วยดูแลองค์คณะทั้ง 9 คน ตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะมีข่าวนี้แล้ว
นายวิรัชย้ำอีกว่า “ผู้พิพากษาไม่มีศัตรู ทำหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่อิงข้างฝ่ายใด ไม่มีใครขอมา ขอให้เชื่อมั่นว่า เรายังเป็นที่พึ่งได้”
คำพูดอย่างนี้ล่ะ สมกับที่ องค์พระประมุข ได้พระราชทานพระราชดำรัส แก่คณะผู้พิพากษาศาลปกครองสูงสุด เมื่อ เร็ว ๆ นี้ ให้ศาลยึดถือ ความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ ยึดความยุติธรรม และความเป็นกลางแท้ ๆ
เพื่อนำสันติสุขคืนมา
รวมทั้ง พระราชดำรัส ล่าสุด ที่พระราชทานแก่ คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาเพื่อตอกย้ำหลักยุติธรรมอีกครั้ง ดังความตอนหนึ่งว่า
......คนเขานับถือศาลซึ่งเป็นของดีของประเทศ ที่เมืองไทยก็มีศาล แล้วคนหวังในความยุติธรรม ถ้าเขารู้ว่ามีความยุติธรรมในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือไม่ดี เขาจะต้องมีความหวังกัน หวังในประเทศว่า มีความยุติธรรม ....แม้แต่ผู้ ร้ายก็หวังความยุติธรรรม ผู้ที่มีจิตใจที่ไม่ทำอะไรที่เรียบร้อยที่ดี เขาก็จะทำดีขึ้น ฉะนั้นท่านทั้งหลายมีความสำคัญมาก เพราะแต่ละคนเป็นเครื่องหมายของความยุติธรรม เป็นความหมายของคนดี
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานเทอญ
คำลงท้าย “เรายังเป็นที่พึ่งได้” ซึ่งสะท้อนผ่านเลขาฯศาลยุติธรรม ย่อมถือเป็นคำสัญญา และการน้อมรับกระแสพระราชดำรัสใส่เกล้าแล้ว และต้องทำให้สม กับที่ ไม่ว่าใคร ก็หวังในความยุติธรรม ทั้งสิ้น
ใครจะว่ายังไงไม่รู้ แต่บ้านเมืองของเราน่าจะมีความหวังขึ้นมาบ้างนะ !!!.
ดาวประกายพรึก
คนเพี้ยน
นั่นสิ ถ้าคนยังมีสติอยู่กับตัว จะ “เพี้ยน” พูดแบบนั้นได้ไง มันเกินคึกคะนองแล้ว เข้าข่ายห่าม ไร้วุฒิภาวะ และรนหาเหาใส่หัวจริง ๆ เห็นด้วยเลย ควรดำเนินคดีเลย พล่อยแบบนี้
ข้อสำคัญ ที่คิดว่า พูดแล้วจะช่วย นายใหญ่ มันกลับจะตรงข้าม ถึงไม่ได้สั่ง ไม่ได้ชี้นำ แล้วใครจะเชื่อ ตอนนี้ใครก็ชี้หน้าใส่นายใหญ่อยู่ดีว่า เป็นไอ้โม่ง แอบสั่งการ เด็กอนุบาลยังรู้ จะเกิดผลดี หรือ ผลร้ายแน่
เหนืออื่นใด นี่จะเป็นข้ออ้างอำมาตย์-ขุนทหาร เอาเป็นเงื่อนไข ปราบปรามขบวนการประชาธิปไตยหนักมือขึ้น เหมือนจู่ ๆ “มือมืด” ปาอึผสมปลาร้าใส่บ้าน นายกรัฐมนตรี แถวสุขุมวิท ซึ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง
และทันทีเลย นายกฯบอกโยงคดี 7.6 หมื่นล้าน ก็ว่าไป แต่ บิ๊กตำรวจ นี่สิ ไม่ทันสืบสวนตามหน้าที่ พูดผ่านทีวีปั๊บ คนเสื้อแดงแน่ ๆ ทำไมไม่คิดว่าพวกพรรคร่วมที่ ปชป.หักหลังไม่แก้รธน. จะปาขี้ประท้วงบ้างล่ะ
เห็นรึยัง อะไรกำลังเกิดขึ้น (โกว เล้งบอก คนมีอำนาจถึงจุดหนึ่ง อาจสร้างสถานการณ์อะไรก็ได้)
แต่ที่ต้องชื่นชม คือ นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ที่ให้สัมภาษณ์แบบสุขุม สมเป็นตุลาการว่า ได้เช็กข่าวกับสำนักข่าวกรองแห่งชาติและหน่วยงานเกี่ยวข้องแล้ว ปรากฏว่า ยังไม่ มีการแจ้งเตือนมา และได้แจ้งให้ นายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกาทราบแล้ว
เห็นว่าแค่เป็นการปล่อยข่าว เพื่อหวังผลคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน แต่องค์คณะ 9 คน ไม่หวั่นไหว และได้ประสานหน่วยงานดูแลความปลอดภัย ให้มาช่วยดูแลองค์คณะทั้ง 9 คน ตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะมีข่าวนี้แล้ว
นายวิรัชย้ำอีกว่า “ผู้พิพากษาไม่มีศัตรู ทำหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่อิงข้างฝ่ายใด ไม่มีใครขอมา ขอให้เชื่อมั่นว่า เรายังเป็นที่พึ่งได้”
คำพูดอย่างนี้ล่ะ สมกับที่ องค์พระประมุข ได้พระราชทานพระราชดำรัส แก่คณะผู้พิพากษาศาลปกครองสูงสุด เมื่อ เร็ว ๆ นี้ ให้ศาลยึดถือ ความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ ยึดความยุติธรรม และความเป็นกลางแท้ ๆ
เพื่อนำสันติสุขคืนมา
รวมทั้ง พระราชดำรัส ล่าสุด ที่พระราชทานแก่ คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาเพื่อตอกย้ำหลักยุติธรรมอีกครั้ง ดังความตอนหนึ่งว่า
......คนเขานับถือศาลซึ่งเป็นของดีของประเทศ ที่เมืองไทยก็มีศาล แล้วคนหวังในความยุติธรรม ถ้าเขารู้ว่ามีความยุติธรรมในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือไม่ดี เขาจะต้องมีความหวังกัน หวังในประเทศว่า มีความยุติธรรม ....แม้แต่ผู้ ร้ายก็หวังความยุติธรรรม ผู้ที่มีจิตใจที่ไม่ทำอะไรที่เรียบร้อยที่ดี เขาก็จะทำดีขึ้น ฉะนั้นท่านทั้งหลายมีความสำคัญมาก เพราะแต่ละคนเป็นเครื่องหมายของความยุติธรรม เป็นความหมายของคนดี
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานเทอญ
คำลงท้าย “เรายังเป็นที่พึ่งได้” ซึ่งสะท้อนผ่านเลขาฯศาลยุติธรรม ย่อมถือเป็นคำสัญญา และการน้อมรับกระแสพระราชดำรัสใส่เกล้าแล้ว และต้องทำให้สม กับที่ ไม่ว่าใคร ก็หวังในความยุติธรรม ทั้งสิ้น
ใครจะว่ายังไงไม่รู้ แต่บ้านเมืองของเราน่าจะมีความหวังขึ้นมาบ้างนะ !!!.
ดาวประกายพรึก
