การเมืองปักษ์หลังเดือนกุมภาพันธ์ จะทวีความร้อนแรงขนาดไหน ห้ามกะพริบตา คอการเมืองห้ามพลาดกับความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
ความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองไม่ใช่อยู่แค่การพิจารณา คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน อย่างที่วิพากษ์วิจารณ์กันเท่านั้น แต่อยู่ที่ความเป็นธรรมและความชอบธรรมในสังคม
เมื่อประชาชนส่วนหนึ่งมองว่า ประเทศไทยถูกปล้นอำนาจความชอบธรรมไปจากสังคม บ้านเมืองก็ไม่ต่างอะไรจากบ้านป่าเมืองเถื่อน กฎกติกาไม่มีมาตรฐาน พึ่งพาไม่ได้ก็ต้องใช้กำลังเข้าตัดสิน
ไม่ต่างจากเหตุการณ์ 14 ตุลา หรือพฤษภาทมิฬ วิกฤติการเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต แก่นแท้ของปัญหาไม่ได้ต่างกันเลย แตกต่างกันแค่วันเวลาและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น
อำนาจเผด็จการกับอำนาจประชาธิปไตยในบ้านเรา ยังต่อสู้กันอยู่ เป็นคลื่นใต้น้ำมาตลอดเวลา วันดีคืนดีก็ปะทุขึ้นมา ผลกระทบทำเอาหญ้าแพรกแหลกลาญไปด้วย
อยากให้ติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมือง 3 ช่วงจังหวะด้วยกัน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เลื่อนออกไปไม่ใช่เพราะพรรคร่วมรัฐบาลยังลังเลในการที่จะขัดแย้งกับพรรคประชาธิปัตย์
แต่รอความลงตัวบางอย่าง
อย่างไรเสีย วิกฤติแก้รัฐธรรมนูญก็หนีไม่พ้น จังหวะที่สองคือ การขยับเขยื้อนในพรรคร่วมรัฐบาล จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างที่คาดไม่ถึงก็ได้
จนกระทั่งถึงเวลาที่ฝ่ายค้านจะเปิด อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เป็นจังหวะสุดท้าย เชื่อว่าตอนนั้นก็คงจะเห็นรูปร่างหน้าตาการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองชัดเจนขึ้น
ระหว่างความเปลี่ยนแปลง 3 จังหวะ 3 ขั้นตอน โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง โอกาสที่วงจรอุบาทว์จะเข้ามาแทรกซ้อนได้ตลอดเวลา
และเชื่อว่าหมากเกมการเมือง ตาสุดท้าย คงไม่มีใครยอมใครง่ายๆ ไพ่ใบสุดท้ายที่กำอยู่ในมือของแต่ละฝ่ายไม่มีใครรู้ แต่พอจะคาดเดาได้จากพื้นฐานของแต่ละฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งที่เดินทางต่อสู้มาในระบอบประชาธิปไตยก็พยายามที่จะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสภาตามระบอบประชาธิปไตย
ต่อไป อีกฝ่ายที่มาจากการปล้นอำนาจประชาธิปไตยก็พยายามจะสร้างเงื่อนไข ต่ออายุอำนาจด้วยวิธีการของเผด็จการ
การเมืองไทยกลมยิ่งกว่าลูกฟุตบอล อะไรก็เกิดได้ทุกเมื่อ การเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็เหนือความคาดหมาย ลำพังการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในวิถีของประชาธิปไตยก็ไม่เท่าไหร่ ยกเว้นว่าจะเกิดอาการไถลออกนอกเส้นทางอีกกระทอก.
หมัดเหล็ก