บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

รัฐเตรียมขึ้นภาษี?

ที่มา ไทยรัฐ

ดูเหมือนว่า ฐานะการเงินของรัฐบาลชักจะไม่ค่อยดีเสียแล้ว เมื่อฟังเสียง คุณกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีคลัง ไปพูดเรื่อง "นโยบายการคลังกับการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ" ที่งาน นสพ.ฐานเศรษฐกิจ วันก่อน คุณกรณ์บอกว่า หากจะให้รัฐบาลรักษาบทบาทการลงทุนเอาไว้ ก็ต้องตอบโจทย์เรื่องรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายด้วย

ตอบโจทย์ว่าอย่างไร

คุณกรณ์พูดตรงไปตรงมาว่า นับจากนี้ไปความสามารถในการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของรัฐบาลจะมีน้อยลง เพราะ ค่าใช้จ่ายประจำของรัฐบาล เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามแนวโน้มสังคมไทยที่เข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น แต่ความสามารถในการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลยังอยู่ในระดับต่ำ ปีนี้เก็บภาษีได้เพียงร้อยละ 15 ของจีดีพีเท่านั้น และปีหน้าจะเพิ่มเป็นร้อยละ 16 ของจีดีพี

ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียมีสัดส่วนรายได้จากภาษีเฉลี่ยร้อยละ 20 ร้อยละ 30 และร้อยละ 50 ของจีดีพี ประเทศที่พัฒนาแล้วจะสูงขึ้นตามลำดับ

เขาบอกว่า เรื่องรายได้จากภาษียังเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับรัฐบาล เพราะฐานภาษีในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ หากรัฐบาลจะรักษาบทบาทการเป็นผู้นำในการลงทุนจะต้องตอบโจทย์เรื่องนี้ให้ได้ โดยการ "ปฏิรูปโครงสร้างภาษี" และเสนอการ "จัดเก็บภาษีรูปแบบใหม่" ซึ่งเป็นวาระหนึ่งของรัฐบาล

คุณกรณ์ ยังยอมรับด้วยว่า เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ประเทศไทยจะต้อง "ปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม" กลับไปเก็บที่ "ร้อยละ 10" เหมือนช่วงก่อนวิกฤติ โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ ภาวะเศรษฐกิจขณะนั้นต้องรองรับได้

ผมดูฐานะการคลังของรัฐบาลในเวลานี้แล้ว เชื่อขนมกินได้เลยว่า อีกไม่ช้าไม่นาน รัฐบาลจะต้องปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มแน่นอน เพราะเป็นช่องทางที่หาเงินมาโปะงบประมาณที่ขาดดุลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้เร็วที่สุด

ทีนี้มาดู "งบลงทุนของรัฐบาล" บ้าง ว่าเป็นอย่างไร

ในงบปี 2553 รัฐบาลมีงบลงทุน 307,000 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 18.1 ของงบประมาณรายจ่าย ลดลงจากปี 52 ถึง 123,000 ล้านบาท ถือว่าน้อยมากๆ

แต่ในปีงบประมาณ 2554 แม้งบลงทุนของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นเป็น 341,369.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 127,000.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 59.2 เมื่อเทียบกับงบลงทุนปี 53 แต่เมื่อคิดเป็น สัดส่วนของงบประมาณรายจ่าย แล้ว เหลือแค่ร้อยละ 16.5 เท่านั้น ลดลงจากปีก่อนถึงร้อยละ 8.84 และมีแนวโน้มลดลงไปเรื่อยๆทุกปี

ผมไม่แน่ใจว่า สัดส่วนงบลงทุนของรัฐบาลในงบประมาณแต่ละปีจะต้องเป็นเท่าไร แต่ถ้าความสามารถในการลงทุนของรัฐบาลลดลงไปเรื่อยๆในระดับนี้ วันหนึ่งรัฐบาลก็จะตกอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถลงทุนได้ เพราะไม่มีเงิน ทุกวันนี้ก็ต้องกู้เงินมากินมาใช้เป็นงบขาดดุลในงบปี 54 สูงถึง 420,000 ล้านบาทแล้ว

ที่น่าเป็นห่วงก็คือ รายจ่ายประจำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการเบิกจ่ายของข้าราชการ โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาลทั้งครอบครัว อย่างงบปี 54 รัฐบาลมีรายได้สุทธิ 1.65 ล้านล้านบาท แต่มีรายจ่ายประจำ 1.63 ล้านล้านบาท เหลือเงินติดคลังไม่ถึง 2 หมื่นล้านบาท เรียกว่าเก็บภาษีได้เท่าไร ข้าราชการเอาไปใช้หมด แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปลงทุนเพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้รัฐบาล

งบปี 55 ถ้ารายได้ยังเพิ่มเท่าเดิม รายจ่ายเพิ่มขึ้นในอัตรานี้ รายจ่ายท่วมรายได้แน่นอน นี่ยังไม่นับ "รายจ่ายด้านสวัสดิการ" สารพัดโครงการที่ รัฐบาลประชาธิปัตย์ คิดขึ้นมาเอาใจประชาชนเพื่อหาเสียงแข่งกับโครงการประชานิยมเก่าอีกหลายแสนล้าน

เห็นฐานะการคลังของรัฐบาลแล้ว ผมไม่ใช่กูรู แต่ก็ขอทำนายล่วงหน้าไว้ตรงนี้ รัฐบาลต้องขึ้นภาษีแน่นอน ดูแล้วก็คงไม่แคล้ว "ภาษีมูลค่าเพิ่ม" เพราะขึ้นง่ายที่สุด ได้เงินเร็วที่สุด ทุกประเทศก็ทำอย่างนี้.

"ลม เปลี่ยนทิศ"

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker