เหล็กใน
คงเป็นที่แน่นอนว่า เร็วๆ นี้ จะมีม็อบเสื้อแดงออกมาชุมนุมใหญ่กันอีกหน
เงื่อนไขชุมนุม ดูแล้วก็ไม่มีอะไรสุกงอม นอกจากเรื่องเดียว
คดียึดทรัพย์มาถึงจุดชี้ชะตา!
จะว่าเงื่อนไขมาจากเรื่องสังคม "2 มาตรฐาน" หรือ "อำมาตย์" ครองเมือง ก็พูดกันมาเป็นปีๆ แล้ว
จึงกล่าวได้ว่า นาทีนี้ไม่มีอะไรเป็นเงื่อนไขให้ฝูงชนออกมาเดินเต็มถนน
นอกจากเรื่องเดียว แรงผลักดันจากคดียึดทรัพย์
ในฝ่ายผู้รักษากฎหมายนั้น ก็เห็นบอกมีแผนนั้นแผนนี้ซักซ้อมไว้รับมือแล้ว
แต่ถึงเวลาจริงๆ ก็ยังมีคำถามคาใจ
เพราะบทเรียนเก่าๆ ที่ผ่านมา ในการควบคุมฝูงชนนั้น
ในส่วนของตำรวจเรียกได้ว่าสอบตก
ถ้าไม่แตกแถวถอยกรูด เพราะต้านแรงดันไม่ไหวจริงๆ ประสาน้ำน้อยแพ้ไฟ
ก็มักใส่เกียร์ว่าง แกล้งผลักๆ ดันๆ พักเดียว ก็ปล่อยม็อบไหลไปตามทาง
อีกทีก็สุดโต่งไปเลย ปราบม็อบกันจนมีคนแขนขาขาด จนถึงล้มตาย
จากบทเรียนพวกนี้ หวังว่ามาถึงม็อบปี"53 นี้
ความพร้อมในด้านกำลังใจ และวิสัยทัศน์ของตำรวจ คงปรับจูนกันเรียบร้อยแล้ว
อุปกรณ์การปราบจลาจล ก็คงจะจัดซื้อของดีๆ มาใช้
มีของดีๆ ก็ต้องใช้งานอย่างถูกวิธีควบคู่กัน
ตอนนี้ หมอประเวศ วะสี ก็ออกโรงมาเรียกร้องแนวทางจัดการม็อบ
ต้องไม่มีเผาบ้านเผาเมือง แต่ก็ต้องไม่ใช้อาวุธกับผู้ชุมนุม
และไม่ใช้แก๊สน้ำตาด้วย
ประเด็นแก๊สน้ำตานี่แหละ มุมมองของคนยังเสียงแตก
นาทีนี้ เจ้าหน้าที่ต้องปรุโปร่งกับมัน
เท่าที่บ้านเรามีปัญหาปะทะกัน ในหลายหนนั้น
จะเห็นว่าคำสั่งห้ามใช้ความรุนแรง บางทีมันคลุมเครือ
ปล่อยตำรวจไปกับโล่เปล่าๆ ห้ามพกแม้แต่กระบอง
ไม่มีประโยชน์เลย เวลาเจอม็อบการเมืองแรงๆ
ขณะที่แก๊สน้ำตานั้น ต้องยอมรับว่ามันเป็นอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนที่เป็นสากล
เพียงแต่ต้องไม่ใช้ของด้อยคุณภาพ แบบว่ามีทั้งแก๊สมีทั้งระเบิดในตัวเดียวกัน!
วิธีการยิง ก็ต้องไม่ให้เกิดภาพอุจาด แบบยิงวิถีตรงใส่ตัวคน
มันต้องยิงโค้งไปตกหน้าแถวฝูงชน แล้วปล่อยให้ตัวแก๊สน้ำตารับหน้าที่ต่อไป
จริงๆ แล้ว ตำรวจสามารถสาธิตวิธียิงแก๊สน้ำตาที่ถูกต้องให้สื่อมวลชนดูก่อนก็ยังได้
คราวที่ผ่านๆ มานั้น ว่าไปแล้ว น่าเห็นใจตรงที่ตำรวจไม่เคยใช้ของพวกนี้
ก็ได้แต่หวังว่าที่พูดๆ กันว่าพร้อมนั้น พร้อมจริงๆ
ผู้ชุมนุมเป็นคนไทย ไม่ใช่คนที่ต้องการเข่นฆ่ากัน
แต่การผลักดันม็อบให้พ้นไปจากบุคคล หรือสถานที่สำคัญ
ก็ต้องปฏิบัติการอย่างเคร่งครัดเต็มร้อย!
 |
เงื่อนไขชุมนุม ดูแล้วก็ไม่มีอะไรสุกงอม นอกจากเรื่องเดียว
คดียึดทรัพย์มาถึงจุดชี้ชะตา!
จะว่าเงื่อนไขมาจากเรื่องสังคม "2 มาตรฐาน" หรือ "อำมาตย์" ครองเมือง ก็พูดกันมาเป็นปีๆ แล้ว
จึงกล่าวได้ว่า นาทีนี้ไม่มีอะไรเป็นเงื่อนไขให้ฝูงชนออกมาเดินเต็มถนน
นอกจากเรื่องเดียว แรงผลักดันจากคดียึดทรัพย์
ในฝ่ายผู้รักษากฎหมายนั้น ก็เห็นบอกมีแผนนั้นแผนนี้ซักซ้อมไว้รับมือแล้ว
แต่ถึงเวลาจริงๆ ก็ยังมีคำถามคาใจ
เพราะบทเรียนเก่าๆ ที่ผ่านมา ในการควบคุมฝูงชนนั้น
ในส่วนของตำรวจเรียกได้ว่าสอบตก
ถ้าไม่แตกแถวถอยกรูด เพราะต้านแรงดันไม่ไหวจริงๆ ประสาน้ำน้อยแพ้ไฟ
ก็มักใส่เกียร์ว่าง แกล้งผลักๆ ดันๆ พักเดียว ก็ปล่อยม็อบไหลไปตามทาง
อีกทีก็สุดโต่งไปเลย ปราบม็อบกันจนมีคนแขนขาขาด จนถึงล้มตาย
จากบทเรียนพวกนี้ หวังว่ามาถึงม็อบปี"53 นี้
ความพร้อมในด้านกำลังใจ และวิสัยทัศน์ของตำรวจ คงปรับจูนกันเรียบร้อยแล้ว
อุปกรณ์การปราบจลาจล ก็คงจะจัดซื้อของดีๆ มาใช้
มีของดีๆ ก็ต้องใช้งานอย่างถูกวิธีควบคู่กัน
ตอนนี้ หมอประเวศ วะสี ก็ออกโรงมาเรียกร้องแนวทางจัดการม็อบ
ต้องไม่มีเผาบ้านเผาเมือง แต่ก็ต้องไม่ใช้อาวุธกับผู้ชุมนุม
และไม่ใช้แก๊สน้ำตาด้วย
ประเด็นแก๊สน้ำตานี่แหละ มุมมองของคนยังเสียงแตก
นาทีนี้ เจ้าหน้าที่ต้องปรุโปร่งกับมัน
เท่าที่บ้านเรามีปัญหาปะทะกัน ในหลายหนนั้น
จะเห็นว่าคำสั่งห้ามใช้ความรุนแรง บางทีมันคลุมเครือ
ปล่อยตำรวจไปกับโล่เปล่าๆ ห้ามพกแม้แต่กระบอง
ไม่มีประโยชน์เลย เวลาเจอม็อบการเมืองแรงๆ
ขณะที่แก๊สน้ำตานั้น ต้องยอมรับว่ามันเป็นอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนที่เป็นสากล
เพียงแต่ต้องไม่ใช้ของด้อยคุณภาพ แบบว่ามีทั้งแก๊สมีทั้งระเบิดในตัวเดียวกัน!
วิธีการยิง ก็ต้องไม่ให้เกิดภาพอุจาด แบบยิงวิถีตรงใส่ตัวคน
มันต้องยิงโค้งไปตกหน้าแถวฝูงชน แล้วปล่อยให้ตัวแก๊สน้ำตารับหน้าที่ต่อไป
จริงๆ แล้ว ตำรวจสามารถสาธิตวิธียิงแก๊สน้ำตาที่ถูกต้องให้สื่อมวลชนดูก่อนก็ยังได้
คราวที่ผ่านๆ มานั้น ว่าไปแล้ว น่าเห็นใจตรงที่ตำรวจไม่เคยใช้ของพวกนี้
ก็ได้แต่หวังว่าที่พูดๆ กันว่าพร้อมนั้น พร้อมจริงๆ
ผู้ชุมนุมเป็นคนไทย ไม่ใช่คนที่ต้องการเข่นฆ่ากัน
แต่การผลักดันม็อบให้พ้นไปจากบุคคล หรือสถานที่สำคัญ
ก็ต้องปฏิบัติการอย่างเคร่งครัดเต็มร้อย!
