บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2553

แฉทหารใบสั่งสื่อโหมทำสงครามข่าว โฆษณาชวนเชื่อปิดล้อม ปูทางปราบเสื้อแดงชุมนุม14มีนา

ที่มา Thai E-News



ใบสั่งสื่อ-กรมกิจการพลเรือนทหารบก กองบัญชาการทหารบก ส่งใบสั่งไปยังสื่อต่างๆขอให้ออกข่าวโฆษณาชวนเชื่อทำสงครามข่าวเพื่อให้ร้ายป้ายสีผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่จะเรียกร้องประชาธิปไตยในวันที่ 14 มีนาคมนี้ไปในทางที่เป็นผลลบต่อประเทศ ชีวิตของคนกรุงเทพฯ เศรษฐกิจ การลงทุน ตลาดหุ้น และการท่องเที่ยว เชื่อเป็นแผนโดดเดี่ยวเสื้อแดงและปูทางไปสู่การปราบปรามประชาชน


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
9 มีนาคม 2553

อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง:
-ม.ล.ปลื้ม: สื่ออำมาตย์หล่อหลอมมวลชนให้เกลียดนักการเมือง-เบื่อการเลือกตั้ง
-สัมภาษณ์ประวิตร โรจนพฤกษ์ ในวันที่ 'สื่อ' ไม่ได้กุมความถูกต้องแต่ผู้เดียว

แฉใบสั่งสื่อป้ายสีเสื้อแดงก่อความวุ่นวายปูทางปราบ

ก่อนการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 14 มีนาคมนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าสื่อของรัฐ และสื่อเอกชนต่างมี"ธง"ในการนำเสนอข่าวไปในทิศทางเดียวกันคือการสร้างภาพลักษณ์ว่า กลุ่มเสื้อแดงจะเข้ามาก่อความวุ่นวายในกรุงเทพฯ สร้างความรุนแรง มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯ และผลกระทบทางลบต่างๆ สื่อบางสำนักได้ปลุกปั่นให้คนกรุงเทพฯรวมตัวกันต่อต้าน ปกป้องกรุงเทพฯ หรือสร้างความตระหนกตกใจ เช่น เสนอข่าวว่ามีการกักตุนอาหาร หรือถอนเงินจากบัญฃีเป็นต้น

การนำเสนอข่าวดังกล่าวเป็นไปในทิศทางที่รัฐบาล และระบอบอำมาตย์ต้องการ นักสังเกตการณ์ทางการเมืองเชื่อว่าเพื่อทำลายความชอบธรรมในการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย โดดเดี่ยวคนเสื้อแดงให้เป็นเรื่องคนกลุ่มน้อยที่จะก่อความวุ่นวาย สร้างความรุนแรง และสร้างความชอบธรรมในการออกกฎหมายพรบ.ความมั่นคง พรก.ฉุกเฉินเพื่อปราบปรามประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตย

เรื่องการสร้างกระแสดังกล่าวนั้นไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่มี"ใบสั่ง"ให้สื่อกระแสหลักดำเนินการมาเป็นลำดับ ดังเอกสารที่เรานำมาเปิดเผยนี้เป็นใบสั่งจากกรมกิจการพลเรือนทหารบก กองบัญชาการทหารบก ที่ส่งไปยังสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทวีวี(ช่อง9) โดยใบสั่งนี้เป็นใบสั่งประจำวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมานี้ ระบุ"ขอความร่วมมือ"เผยแพร่เป็นอักษรตัววิ่งประจำวันที่ 4 มีนาคม 2553 ดังนี้ และเรามีข้อสังเกตเพิ่มเติมดังต่อไปนี้

-ข้อความที่1:นายสุเทพฯ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศไม่ประสงค์ให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ส่วนใหญ่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ


ข้อสังเกตก็คือ เป็นการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อโดดเดี่ยวประชาชนที่จะมาชุมนุมใหญ่ว่าเป็นเพียงคนกลุ่มน้อย

-ข้อความที่2:นายกงกฤษ หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ความมั่นใจว่าแนวโน้มการท่องเที่ยวไทยมีทิศทางที่สดใส หากปัจจัยการเมืองไม่มีความวุ่นวาย อาจขยายตัวถึง12-15%


ข้อสังเกต เป็นการโฆษณาชวนเชื่อว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงจะมีผลทางลบต่อการท่องเที่ยว ทั้งที่นายกงกฤษให้สัมภาษณ์หลายสื่อ รวมทั้งสัมภาษณ์ทางทีวีเนชั่นในช่วงสายวันที่ 9 มี.ค.เชื่อว่าการชุมนุมจะไม่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว เนื่องจากไม่น่ามีเหตุรุนแรง และผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็ปรับตัวได้แล้ว

-ข้อความที่ 3:นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทยกล่าวต้องติดตามสถานการณ์การเมืองช่วงนี้เป็นพิเศษ เพราะปัญหาการเมืองเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อตลาดหุ้นไทย หากการเมืองเกิดความรุนแรงอาจทำให้การขยายตัวของจีดีพีต่ำกว่า2%


ข้อสังเกต:เป็นการโฆษณาชวนเชื่อว่าการชุมนุมจะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ ซึ่งกองทัพบกไม่เคยทำอย่างนี้เลยในตอนที่พันธมิตรชุมนุม แต่ผู้นำกองทัพบกกลับไปออกทีวีเรียกร้องให้นายกฯลาออกแทน

ข้อความที่4:กตม.ยังคงตั้งจุดตรวจจุดสกัดในพื้นที่สำคัญโดยต่อเนื่อง และขออภัยในความไม่สะดวกในเส้นทางการจราจรบางพื้นที่ ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนพบบุคคลและวัตถุต้องสงสัย โทรสายด่วน191และ1555


ข้อสังเกต:เป็นการโฆษณาชวนเชื่อแยกผู้ชุมนุมเสื้อแดงให้โดดเดี่ยว ขาดการสนับสนุนจากประชาชน และโน้มน้าวให้ประชาชนเกลียดชัง และจับตาหรือร่วมมือรัฐบาลระบอบอำมาตย์เอาผิดกับผู้ชุมนุม ในขณะที่ออกตัวในกรณีรัฐบาลไปตั้งด่านทำให้การจราจรติดขัดเสียเอง

แถลงการณ์ชมรมนักข่าวเพื่อเสรีภาพไทย:สื่อต้องยุติสงครามข่าวปูทางปราบเสื้อแดง

เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันนักข่าว ชมรมนักข่าวเพื่อเสรีภาพไทยได้ออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่งเรียกร้องให้สื่อยุติการทำสงครามข่าวเพื่อใส่ร้ายป้ายสีเเสื้อแดง เพราะเห็นว่าเป็นการปูทางนำไปสู่การปราบปรามผู้เรียกร้องประชาธืปไตย โดยมีเนื้อหารายละเอียดดังต่อไปนี้

ขอเรียกร้องให้สื่อยุติการทำสงครามข่าวเพื่อจุดชนวนนำไปสู่การปราบปรามกลุ่มเสื้อแดง และขอเรียกร้องให้รัฐยุติการใช้สื่อของรัฐบิดเบือนยั่วยุสร้างความเกลียดชังแตกแยกในสังคม และยุติการคุกคามสื่อใหม่ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ

ชมรมนักข่าวเพื่อเสรีภาพไทย ซึ่งเป็นองค์กรกลางประสานงานของผู้สื่อข่าวที่เคลื่อนไหวเพื่อให้ผู้สื่อข่าวนำเสนอข้อมูลข่าวสารด้วยความเป็นกลาง ไร้การบิดเบือน และสนับสนุนประชาธิปไตย คัดค้านเผด็จการเห็นว่า บทบาทของสื่อสารมวลชนทั้งของรัฐ และเอกชนในปัจจุบัน กำลังหมิ่นเหม่ต่อการตกเป็นเครื่องมือของผู้กุมอำนาจรัฐ และนำเสนอข่าวชี้นำสังคมไปในทางที่มีอคติต่อกลุ่มการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือแม้แต่การใช้สื่อสร้าง"สงครามข่าว"เป็นการชี้นำสาธารณชนให้เกิดการเกลียดชัง ก่อความรุนแรงได้ จึงขอเรียกร้องดังนี้

1.สื่อมวลชนกระแสหลักนำเสนอข่าวโดยขาดการตรวจสอบในกรณีที่เสนอข่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงได้ขึ้นบัญชีดำต่อบุคคล 53 รายที่อยู่ในฝ่ายรัฐบาล หรือสนับสนุนรัฐบาล รวมทั้งสื่อที่มีบทบาทสนับสนุนรัฐบาล และโจมตีต่อกลุ่มเสื้อแดงด้วยความอคติบิดเบือน โดยสื่อบางค่ายเช่น ผู้จัดการASTVนำเสนอว่าบุคคลทั้ง53รายตกเป็นเป้าการสังหารของคนเสื้อแดง

ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเพียงการไปโพสต์ข้อความในเวบไซต์เสธ.แดง โดยข้อความดังกล่าวไม่ได้บอกว่าบุคคลทั้ง53รายเป็นเป้าหมายการสังหาร หรือขู่เข็ญว่าจะประทุษร้ายแต่อย่างใด เป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์ว่าบุคคลทั้ง53รายนั้น สนับสนุนระบอบเผด็จการอำมาตย์ และทำลายประชาธิปไตย และต่างก็ประสบเคราะห์กรรมตามหลักพุทธศาสนาไปแล้วเท่านั้น ซึ่งเป็นการติชมโดยสุจริตและเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ

แต่การนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนกลับขาดการตรวจสอบ และนำไปขยายผลว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะประสงค์ร้ายต่อกลุ่มบุคคลทั้ง53ราย ซึ่งสุ่มเสี่ยงมากว่าเป็นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารด้วยความอคติลำเอียง และมีจุดประสงค์สร้างความเกลียดชังคนเสื้อแดง และอาจรวมไปถึงการสร้างกระแสเพื่อจุดชนวนให้ปราบปรามประชาชนที่จะจัดการชุมนุมใหญ่ในวันที่14มีนาคมนี้ได้

ลักษณะดังกล่าวไม่แตกต่างไปจากกรณีหนังสือพิมพ์ดาวสยาม และบางกอกโพสต์ตกแต่งภาพรัชทายาท และเป็นชนวนสำคัญนำไปสู่การปราบปรามนักศึกษาประชาชนในกรณี6ตุลาคม2519 แต่คราวนี้ย่ำแย่กว่ามากนัก เพราะไม่ได้มีเพียง2ฉบับ แต่สื่อมวลชนกระแสหลักแทบทั้งหมดกำลังบิดเบือน ตกแต่งข่าวป้ายสีและอาจเป็นชนวนเหตุนำไปสู่การปราบปรามประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยได้

จึงขอเรียกร้องให้ยุติการทำสงครามข่าวเพื่อจุดประสงค์ปูทางหรือจุดชนวนนำไปสู่การปราบปรามประชาชนโดยทันที

2.ที่ผ่านมาสื่อมวลชนกระแสหลักทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจำนวนมาก ได้แสดงตนอย่างเด่นชัดว่าขาดจากสถานภาพการเป็นสื่อสารมวลชนที่เป็นกลาง และนำเสนอข่าวเยี่ยงนักวิชาชีพไปแล้ว เพราะนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ทัศนะที่สนับสนุนระบอบอำมาตย์เผด็จการ ให้ร้ายป้ายสีสร้างความเกลียดชัง ชี้นำให้มีการปราบปรามทำลายล้างประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตย กลุ่มคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง

จึงขอเรียกร้องต่อองค์กรวิชาชีพสื่อ ทั้งสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เป็นต้น ได้มีมาตรการกำชับหรือบังคับอย่างมีประสิทธิภาพให้สมาชิกขององค์กรของตนให้ธำรงตนอยู่ในความเป็นกลาง เสนอข่าวอย่างรอบด้าน ไร้อคติ ปราศจากการบิดเบือนชี้นำ และองค์กรวิชาชีพเหล่านี้ต้องแสดงตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีด้วย

3.ขอเรียกร้องต่อรัฐบาลและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องยุติการใช้สื่อของรัฐบิดเบือนสร้างความเกลียดชัง และยั่วยุให้เกิดความรุนแรงตลอดทั้งยุติการคุกคามปิดกั้นสื่อที่นำเสนอข้อมูลอีกด้านหนึ่ง เช่น วิทยุชุมชน โทรทัศน์ดาวเทียม สื่อใหม่ทางวอินเตอร์เน็ตช่องทางต่างๆ ที่ใช้สิทธิวิพากษ์วิจารณ์มใต้กรอบรัฐธรรมนูญ

4.ขอเรียกร้องต่อหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนทั้งของรัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชนช่วยกันเรียกร้องกดดัน และติดตามตรวจสอบให้เป็นไปตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อข้างต้น

ด้วยจิตเจตนาที่เป็นกลาง และสงบสันติ สมานฉันท์

นายไพโรจน์ นิมิบุตร

ประธานชมรม นักข่าวเพื่อเสรีภาพไทย

ติดต่อ:อีเมล์thailand.inc@gmail.com

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker