ทนายเสื้อแดงแสดงเจตจำนงวุฒิถอดถอน 2 ตุลาการ “ประสพสุข”ชี้ยังไม่มีผลทางกฎหมาย แนะให้ยอมรับคำวินิจฉัย...
นายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทย พร้อมกลุ่มเครือข่ายฯ ได้ยื่นหนังสือเพื่อแสดงเจตจำนงค์เป็นผู้รวบรวมรายชื่อประชาชนถอดถอน 2 ผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกจากตำแหน่ง ต่อ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา โดยมีเจ้าหน้าที่วุฒิสภาเป็นผู้รับหนังสือแทน
นายพิชา กล่าวว่า สืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่26 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมมีคำสั่งยึดทรัพย์จำนวน 46,000 ล้านบาท ซึ่งมีผู้พิพากษาในองค์คณะจำนวน 2 คน ประกอบด้วย นายกำพล ภู่สุดแสวง นายพงษ์เทพ ศิริพงศ์กานนท์ มีพฤติการณ์ของการปฏิบัติหน้าที่ส่อว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มีการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการเบิกความพยานของฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาคือพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ทั้ง 2 คนมีลักษณะการตัดบทโดยไม่ยอมให้พยานได้เบิกความอธิบายโดยอ้างเพียงว่าศาลได้วินิจฉัยแล้วไม่ต้องอธิบาย
นายพิชากล่าวอีกว่า พฤติกรรมของบุคคลทั้ง 2 เป็นสิ่งที่ผิดวิสัยของหลักการถามพยานทั่วไป กำหนดให้ตอบแค่ใช่หรือไม่ใช่เท่านั้น ซึ่งในระบบไต่สวนของศาลควรแสวงหาข้อเท็จจริงและรับฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน แต่กลับรับฟังและให้ตอบคำถามเฉพาะสิ่งที่ทั้ง 2 คนนี้ต้องการเท่านั้น จากที่กล่าวมาตนในฐานะนักกฎหมายเห็นว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงได้ยื่นเรื่องเพื่อขอถอดถอนบุคคลทั้ง 2 ออกจากตำแหน่ง โดยตนจะเตรียมล่าชื่อประชาชนจำนวน 2 หมื่นรายชื่อขึ้นไป ก่อนจะนำมามอบให้วุฒิสภาพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
ขณะที่ นายประสพสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า เป็นการยื่นเพื่อแสดงเจตจำนงค์เพื่อจะขอยื่นถอดถอนเท่านั้น ยังไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใด เพราะไม่ใช่การแสดงตนแต่เป็นแค่แสดงเจตจำนงค์เท่านั้น จะมีผลทางกฎหมายก็ต่อเมื่อมีการยื่นรายชื่อแสดงตนขอถอดถอน ทั้งนี้เขาอาจจะมาหรือไม่มาแสดงตนก็ได้ เพราะเขายังไม่ได้นัดวันที่แน่นอนว่าจะมายื่นแสดงตนเมื่อใดอย่างไรก็ตามตนเห็นว่าศาลได้มีการวินิจฉัยแล้วควรยอมรับ
นายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทย พร้อมกลุ่มเครือข่ายฯ ได้ยื่นหนังสือเพื่อแสดงเจตจำนงค์เป็นผู้รวบรวมรายชื่อประชาชนถอดถอน 2 ผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกจากตำแหน่ง ต่อ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา โดยมีเจ้าหน้าที่วุฒิสภาเป็นผู้รับหนังสือแทน
นายพิชา กล่าวว่า สืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่26 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมมีคำสั่งยึดทรัพย์จำนวน 46,000 ล้านบาท ซึ่งมีผู้พิพากษาในองค์คณะจำนวน 2 คน ประกอบด้วย นายกำพล ภู่สุดแสวง นายพงษ์เทพ ศิริพงศ์กานนท์ มีพฤติการณ์ของการปฏิบัติหน้าที่ส่อว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มีการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการเบิกความพยานของฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาคือพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ทั้ง 2 คนมีลักษณะการตัดบทโดยไม่ยอมให้พยานได้เบิกความอธิบายโดยอ้างเพียงว่าศาลได้วินิจฉัยแล้วไม่ต้องอธิบาย
นายพิชากล่าวอีกว่า พฤติกรรมของบุคคลทั้ง 2 เป็นสิ่งที่ผิดวิสัยของหลักการถามพยานทั่วไป กำหนดให้ตอบแค่ใช่หรือไม่ใช่เท่านั้น ซึ่งในระบบไต่สวนของศาลควรแสวงหาข้อเท็จจริงและรับฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน แต่กลับรับฟังและให้ตอบคำถามเฉพาะสิ่งที่ทั้ง 2 คนนี้ต้องการเท่านั้น จากที่กล่าวมาตนในฐานะนักกฎหมายเห็นว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงได้ยื่นเรื่องเพื่อขอถอดถอนบุคคลทั้ง 2 ออกจากตำแหน่ง โดยตนจะเตรียมล่าชื่อประชาชนจำนวน 2 หมื่นรายชื่อขึ้นไป ก่อนจะนำมามอบให้วุฒิสภาพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
ขณะที่ นายประสพสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า เป็นการยื่นเพื่อแสดงเจตจำนงค์เพื่อจะขอยื่นถอดถอนเท่านั้น ยังไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใด เพราะไม่ใช่การแสดงตนแต่เป็นแค่แสดงเจตจำนงค์เท่านั้น จะมีผลทางกฎหมายก็ต่อเมื่อมีการยื่นรายชื่อแสดงตนขอถอดถอน ทั้งนี้เขาอาจจะมาหรือไม่มาแสดงตนก็ได้ เพราะเขายังไม่ได้นัดวันที่แน่นอนว่าจะมายื่นแสดงตนเมื่อใดอย่างไรก็ตามตนเห็นว่าศาลได้มีการวินิจฉัยแล้วควรยอมรับ