คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
ไม่น่าเชื่อว่า วิธีโบร่ำโบราณดึงหลักฐานสำคัญออกจากสำนวน เพื่อทำให้รูปคดีอ่อนยวบยาบ นำไปสู่การสั่งไม่ฟ้องในที่สุดนั้น จะมีการนำมาใช้ในคดีรุกป่าเขาสอยดาว ซึ่งมีการสั่งไม่ฟ้องไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน
แต่ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
คดีนี้อยู่ในความรับผิดชอบของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือปทส.
เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่ตำรวจกก.1บก.ปทส. ปัดกวาดที่ทำงานตามกิจกรรม 5 ส.
แล้วจู่ๆ ไปพบเอกสารสำคัญ
ภาพถ่ายทางอากาศ พร้อมผลการแปล ตี ความ วิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศ บริเวณพื้นที่ที่ มีการกล่าวหาว่ามีการบุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสอยดาวและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
แถมมีเอกสารปะหน้า จากรองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ส่งเอกสารสำคัญชุดนี้ถึงผู้การปทส. ลงวันที่ 13 ก.ค. 2550
แล้วปทส.ลงเลขรับ วันที่ 18 ก.ค. 2550
แสดงว่าหลักฐานนี้ ถึงปทส.เรียบร้อยแล้ว
แต่สุดท้ายไม่ได้เข้าไปอยู่ในสำนวนและไม่ได้ส่งไปให้อัยการ!
ใครกันที่ดึงหลักฐานออก
ยังดีที่ตำรวจปทส.ยุคปัจจุบัน ไปค้นเจอ
ล่าสุดส่งถึงอัยการจังหวัดจันทบุรีเรียบร้อยแล้ว พร้อมๆ กับการเร่งสอบพยานเพิ่มเติม ไปจนถึงออกตรวจพื้นที่จริงอีกครั้งของปทส.
คดีรุกป่าเขาสอยดาวจึงฟื้นคืนชีพอีกครั้ง โดยคราวนี้มีหลักฐานสำคัญ
จากภาพถ่ายดังกล่าว เมื่อทาบทับกับเขตพื้นที่สนามกอล์ฟสอยดาวไฮแลนด์ จะเห็นได้ชัดเจน
เจ้าหน้าที่ระบุว่ารุกล้ำเขตป่าสงวนและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแน่นอน
กระนั้นก็ตาม ยังต้องขึ้นกับผลการรวบรวมพยานหลักฐานด้านอื่นๆ อีกด้วย
สุดท้ายการรื้อฟื้นคดีครั้งนี้จะนำไปสู่การสั่งฟ้องหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป
แต่คราวนี้ไม่มีการหมกหลักฐาน เพราะชุดนี้ไปรื้อเจอ แล้วนำมาปัดฝุ่นรื้อคดีใหม่
คดีนี้ต้องเร่งทำความจริงให้ปรากฏอย่างตรงไปตรงมา
ต้องไม่ลืมว่า ม็อบแดงเพิ่งบุกขึ้นเขาสอยดาวประท้วงถึงประตูสนามกอล์ฟ เพราะเป็นธุรกิจที่คนในแบงก์กรุงเทพถือหุ้นอยู่ เพื่อโยงไปถึงป๋าเปรม
ถ้ากระบวนการยุติธรรมไม่เข้มแข็ง จะโดนขยายผลในการชุมนุม 14 มี.ค.นี้ได้!
วงค์ ตาวัน
ไม่น่าเชื่อว่า วิธีโบร่ำโบราณดึงหลักฐานสำคัญออกจากสำนวน เพื่อทำให้รูปคดีอ่อนยวบยาบ นำไปสู่การสั่งไม่ฟ้องในที่สุดนั้น จะมีการนำมาใช้ในคดีรุกป่าเขาสอยดาว ซึ่งมีการสั่งไม่ฟ้องไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน
แต่ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
คดีนี้อยู่ในความรับผิดชอบของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือปทส.
เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่ตำรวจกก.1บก.ปทส. ปัดกวาดที่ทำงานตามกิจกรรม 5 ส.
แล้วจู่ๆ ไปพบเอกสารสำคัญ
ภาพถ่ายทางอากาศ พร้อมผลการแปล ตี ความ วิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศ บริเวณพื้นที่ที่ มีการกล่าวหาว่ามีการบุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสอยดาวและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
แถมมีเอกสารปะหน้า จากรองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ส่งเอกสารสำคัญชุดนี้ถึงผู้การปทส. ลงวันที่ 13 ก.ค. 2550
แล้วปทส.ลงเลขรับ วันที่ 18 ก.ค. 2550
แสดงว่าหลักฐานนี้ ถึงปทส.เรียบร้อยแล้ว
แต่สุดท้ายไม่ได้เข้าไปอยู่ในสำนวนและไม่ได้ส่งไปให้อัยการ!
ใครกันที่ดึงหลักฐานออก
ยังดีที่ตำรวจปทส.ยุคปัจจุบัน ไปค้นเจอ
ล่าสุดส่งถึงอัยการจังหวัดจันทบุรีเรียบร้อยแล้ว พร้อมๆ กับการเร่งสอบพยานเพิ่มเติม ไปจนถึงออกตรวจพื้นที่จริงอีกครั้งของปทส.
คดีรุกป่าเขาสอยดาวจึงฟื้นคืนชีพอีกครั้ง โดยคราวนี้มีหลักฐานสำคัญ
จากภาพถ่ายดังกล่าว เมื่อทาบทับกับเขตพื้นที่สนามกอล์ฟสอยดาวไฮแลนด์ จะเห็นได้ชัดเจน
เจ้าหน้าที่ระบุว่ารุกล้ำเขตป่าสงวนและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแน่นอน
กระนั้นก็ตาม ยังต้องขึ้นกับผลการรวบรวมพยานหลักฐานด้านอื่นๆ อีกด้วย
สุดท้ายการรื้อฟื้นคดีครั้งนี้จะนำไปสู่การสั่งฟ้องหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป
แต่คราวนี้ไม่มีการหมกหลักฐาน เพราะชุดนี้ไปรื้อเจอ แล้วนำมาปัดฝุ่นรื้อคดีใหม่
คดีนี้ต้องเร่งทำความจริงให้ปรากฏอย่างตรงไปตรงมา
ต้องไม่ลืมว่า ม็อบแดงเพิ่งบุกขึ้นเขาสอยดาวประท้วงถึงประตูสนามกอล์ฟ เพราะเป็นธุรกิจที่คนในแบงก์กรุงเทพถือหุ้นอยู่ เพื่อโยงไปถึงป๋าเปรม
ถ้ากระบวนการยุติธรรมไม่เข้มแข็ง จะโดนขยายผลในการชุมนุม 14 มี.ค.นี้ได้!