การเสียชีวิตของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา หรือ จ่าเพียร สร้างความสั่น สะเทือนเลือนลั่นแก่วงการตำรวจและคน ทั้งประเทศ ความอยุติธรรมที่ได้รับ ทั้งที่มี ชื่ออยู่ในบัญชีจะได้เป็นผู้กำกับ ที่ กันตัง จ.ตรัง แล้ว
แต่ที่สุด ก็ถูกนักการเมืองบางคน กาชื่อออกไป จนเป็นที่มาแห่งน้ำตา และความสูญเสียใหญ่หลวงของครอบครัว แต่จนป่านนี้ ยังไม่มีการตั้ง กก. ขึ้นมาสอบสวนเบื้องหลังความไม่เป็นธรรมที่ พ.ต.อ.สมเพียร กล่าวว่า
เป็นการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งที่เลวร้ายที่สุดเลย หากสามารถเอาตัวคนผิดมารับโทษได้ วิญญาณ พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา คงจะสงบและมีความสุขในสัมปรายภพมากขึ้น
เป็นใคร ท่านนายกฯ สืบดูเถอะ เดี๋ยวก็รู้แล้ว
ก่อนหน้านี้ คอลัมน์นี้ได้นำจดหมายร้องทุกข์ จากตำรวจภูธรภาค 5 ฉบับหนึ่งมาลง เป็นเรื่องราวความไม่เป็นธรรมที่มีทั้งการซื้อขายตำแหน่ง และการเล่นพรรคเล่นพวกในการแต่งตั้งโยกย้ายหลายระดับ เพื่อความเป็นธรรม วันนี้ ขอเอาจดหมายจาก พล.ต.ท. สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 ที่ชี้แจงมาลง
เนื่องจากยาวมาก จึงขอตัดเอาเฉพาะข้อความบางตอนที่เป็นใจความสำคัญมาลง
นั่นคือ...ยืนยันการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจภูธรภาค 5 ทำในรูป คกก. โดยมีผู้บังคับการ รองผู้บัญชาการทุกท่าน และผู้บัญชาการในตำรวจภูธรภาค 5 เป็นองค์ ประชุมพิจารณากลั่นกรอง ทั้ง คกก. สรรหาตำรวจผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และ คกก. คัดเลือกเพื่อแต่งตั้งตำรวจให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ได้ยึดหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ระบบคุณธรรม จริยธรรม ประวัติการรับราชการ ลำดับอาวุโส ปริมาณงาน สถิติคดีอาญาที่เกิดในพื้นที่ ผลงานสถานีตำรวจประชาชน พนักงานสอบสวนดีเด่น เป็นต้น
อีกทั้งการแต่งตั้งครั้งนี้ ตระหนักถึงความโปร่งใส มีการตั้ง คกก. ตรวจสอบเรื่องข้อยกเว้นหลักเกณฑ์การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งครั้งสุดท้ายมาครบ 2 ปี และมี คกก. ตรวจสอบดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวทางการแต่งตั้ง ส่วนประเด็นที่ร้องเรียน ชี้แจงดังนี้
1.“การตั้งโต๊ะซื้อเหมือนตลาดนัดซื้อขายตำแหน่ง” หากมีหลักฐานก็สามารถเอาผิดผู้เกี่ยวข้องได้
2.“นรต.รุ่น 39 รุ่นเดียวกับ พ.ต.อ. ท จ่ายเงินผ่านคนนี้ โผนี้จึงมีการเตะ ผกก. รุ่นพี่ที่ไม่มีความผิดหลายคนออก” หากมี รายละเอียดที่ชัดเจน ยินดีขอเป็นข้อมูลเพื่อดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงิน หรือส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อลงโทษ
3.“นรต.43 รุ่นเดียวกับ พ.ต.อ.อ คนสนิท ส ที่ก้าวขึ้นเป็น ผกก.หลายคน เพราะจ่ายตรง” หากมีรายละเอียด ยินดีจะตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อเอาผิด ทั้งนี้มีการเลื่อนสูงขึ้น 31 ราย เป็นตำรวจที่ไม่ได้จบรร.นายร้อยฯ 9 ราย นอกนั้นจบ รร.นายร้อยคละรุ่นกัน จะมีรุ่น 43 เพียง 6 รายเท่านั้น ซึ่งกลุ่มนี้มาอายุราชการถึง 20 ปี จึงเหมาะ สมที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง
4.“บางคนถูกฟ้องคดีอาญาแถมโดนป.ป.ช. ชี้มูลความผิด แต่เงินก็ง้าง ทำให้เลื่อนแบบสบาย” เรื่องนี้ จะมีการพิจารณาจากหน่วยงานระดับล่างลงไปคือตำรวจภูธรจังหวัด มีแนวทางชัดเจนว่า ผู้ที่ไม่เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นจะถูกกำหนดไว้ในบัญชีต่างหาก และจะไม่นำมาพิจารณา อีกทั้งตำรวจภูธรภาค 5 เองก็มีหน่วยงานที่รับผิดชอบเสนอต่อที่ประชุม คกก. ดังนั้น ตำรวจ ที่อยู่ระหว่างการกระทำผิดจะไม่ได้รับการพิจารณาเด็ดขาด
จึงเรียนข้อเท็จจริงมาเพื่อโปรดพิจารณา และโปรดเสนอข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ปรากฏต่อสาธารณชน และขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
ก็หวังว่า คงจะไม่มีกรณี จ่าเพียร เกิด ขึ้นอีก ขอให้จ่าเพียร เป็นคนสุดท้ายเถอะ.
ดาวประกายพรึก
แต่ที่สุด ก็ถูกนักการเมืองบางคน กาชื่อออกไป จนเป็นที่มาแห่งน้ำตา และความสูญเสียใหญ่หลวงของครอบครัว แต่จนป่านนี้ ยังไม่มีการตั้ง กก. ขึ้นมาสอบสวนเบื้องหลังความไม่เป็นธรรมที่ พ.ต.อ.สมเพียร กล่าวว่า
เป็นการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งที่เลวร้ายที่สุดเลย หากสามารถเอาตัวคนผิดมารับโทษได้ วิญญาณ พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา คงจะสงบและมีความสุขในสัมปรายภพมากขึ้น
เป็นใคร ท่านนายกฯ สืบดูเถอะ เดี๋ยวก็รู้แล้ว
ก่อนหน้านี้ คอลัมน์นี้ได้นำจดหมายร้องทุกข์ จากตำรวจภูธรภาค 5 ฉบับหนึ่งมาลง เป็นเรื่องราวความไม่เป็นธรรมที่มีทั้งการซื้อขายตำแหน่ง และการเล่นพรรคเล่นพวกในการแต่งตั้งโยกย้ายหลายระดับ เพื่อความเป็นธรรม วันนี้ ขอเอาจดหมายจาก พล.ต.ท. สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 ที่ชี้แจงมาลง
เนื่องจากยาวมาก จึงขอตัดเอาเฉพาะข้อความบางตอนที่เป็นใจความสำคัญมาลง
นั่นคือ...ยืนยันการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจภูธรภาค 5 ทำในรูป คกก. โดยมีผู้บังคับการ รองผู้บัญชาการทุกท่าน และผู้บัญชาการในตำรวจภูธรภาค 5 เป็นองค์ ประชุมพิจารณากลั่นกรอง ทั้ง คกก. สรรหาตำรวจผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และ คกก. คัดเลือกเพื่อแต่งตั้งตำรวจให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ได้ยึดหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ระบบคุณธรรม จริยธรรม ประวัติการรับราชการ ลำดับอาวุโส ปริมาณงาน สถิติคดีอาญาที่เกิดในพื้นที่ ผลงานสถานีตำรวจประชาชน พนักงานสอบสวนดีเด่น เป็นต้น
อีกทั้งการแต่งตั้งครั้งนี้ ตระหนักถึงความโปร่งใส มีการตั้ง คกก. ตรวจสอบเรื่องข้อยกเว้นหลักเกณฑ์การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งครั้งสุดท้ายมาครบ 2 ปี และมี คกก. ตรวจสอบดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวทางการแต่งตั้ง ส่วนประเด็นที่ร้องเรียน ชี้แจงดังนี้
1.“การตั้งโต๊ะซื้อเหมือนตลาดนัดซื้อขายตำแหน่ง” หากมีหลักฐานก็สามารถเอาผิดผู้เกี่ยวข้องได้
2.“นรต.รุ่น 39 รุ่นเดียวกับ พ.ต.อ. ท จ่ายเงินผ่านคนนี้ โผนี้จึงมีการเตะ ผกก. รุ่นพี่ที่ไม่มีความผิดหลายคนออก” หากมี รายละเอียดที่ชัดเจน ยินดีขอเป็นข้อมูลเพื่อดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงิน หรือส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อลงโทษ
3.“นรต.43 รุ่นเดียวกับ พ.ต.อ.อ คนสนิท ส ที่ก้าวขึ้นเป็น ผกก.หลายคน เพราะจ่ายตรง” หากมีรายละเอียด ยินดีจะตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อเอาผิด ทั้งนี้มีการเลื่อนสูงขึ้น 31 ราย เป็นตำรวจที่ไม่ได้จบรร.นายร้อยฯ 9 ราย นอกนั้นจบ รร.นายร้อยคละรุ่นกัน จะมีรุ่น 43 เพียง 6 รายเท่านั้น ซึ่งกลุ่มนี้มาอายุราชการถึง 20 ปี จึงเหมาะ สมที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง
4.“บางคนถูกฟ้องคดีอาญาแถมโดนป.ป.ช. ชี้มูลความผิด แต่เงินก็ง้าง ทำให้เลื่อนแบบสบาย” เรื่องนี้ จะมีการพิจารณาจากหน่วยงานระดับล่างลงไปคือตำรวจภูธรจังหวัด มีแนวทางชัดเจนว่า ผู้ที่ไม่เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นจะถูกกำหนดไว้ในบัญชีต่างหาก และจะไม่นำมาพิจารณา อีกทั้งตำรวจภูธรภาค 5 เองก็มีหน่วยงานที่รับผิดชอบเสนอต่อที่ประชุม คกก. ดังนั้น ตำรวจ ที่อยู่ระหว่างการกระทำผิดจะไม่ได้รับการพิจารณาเด็ดขาด
จึงเรียนข้อเท็จจริงมาเพื่อโปรดพิจารณา และโปรดเสนอข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ปรากฏต่อสาธารณชน และขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
ก็หวังว่า คงจะไม่มีกรณี จ่าเพียร เกิด ขึ้นอีก ขอให้จ่าเพียร เป็นคนสุดท้ายเถอะ.
ดาวประกายพรึก