ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อสภาผู้แทนราษฎรล่มซ้ำซากอีกแร้วว์ท่านประธานฯ
ล่มติดต่อกันครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เปิดสมัยประชุมแค่เดือนเดียว
ถือเป็นความห่วยแตกที่สุดในประวัติศาสตร์รัฐสภาไทย!!
"แม่ลูกจันทร์" เสียดายภาษีประชาชนที่จ่ายเงินเดือนให้ ส.ส.ที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเอง
สาเหตุสภาฯล่มครั้งล่าสุดก็อีหรอบเดิม...คือมี ส.ส.รัฐบาลอยู่ในห้องประชุม 232 คน
ขาดไปอีก 6 คน จึงจะครบองค์ ประชุม
ถ้าคิดจากจำนวน ส.ส.รัฐบาล 275 คน ก็เท่ากับ ส.ส.รัฐบาลเบี้ยวประชุมถึง 43 คน
ก็เบี้ยวกันมากขนาดนี้ สภาฯไม่ ล่มก็ไม่รู้จะว่ายังไง
ผลกระทบจากสภาฯล่มซ้ำซาก ทำ ให้การพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญของรัฐบาลที่ยังค้างเป็นกะตั้กต้องเลื่อนยาวออกไป
"แม่ลูกจันทร์" เห็นว่าปัญหาสภาฯ ล่มเป็นความล้มเหลวของ "วิทยา แก้วภราดัย" ประธานวิปรัฐบาลคนใหม่ ที่ไม่สามารถควบคุม ส.ส.รัฐบาลให้ครบองค์ ประชุม
เทียบฝีมือกับ "ชินวรณ์ บุณยเกียรติ" ประธานวิปรัฐบาลคนเก่า เห็นชัด ว่ากระดูกคนละเบอร์
"แม่ลูกจันทร์" กระชุ่น "วิทยา" ในฐานะประธานวิปรัฐบาลให้เร่งปรับปรุง การทำหน้าที่ของตัวเอง
สำคัญที่สุดคือต้องประสานความร่วมมือกับประธานวิปฝ่ายค้านเพื่อให้การประชุมสภาฯเดินหน้าไปด้วยดี
เพราะถ้ายังเล่นเกมกันอย่างนี้จะเกิดความเสียหายต่อสถาบันรัฐสภาในภาพรวม
ความจริงต้นเหตุของปัญหาวุ่นวาย ในสภาฯเพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่
ให้ความสำคัญกับพรรคร่วมรัฐบาลเท่า ที่ควร
ในฐานะพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ การจะดำเนินการอะไรควรปรึกษาพรรค ร่วมรัฐบาลเสียก่อนให้เห็นพ้องต้องกัน
อย่าคิดว่าเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ เดินหน้า พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคต้องเดินตาม
เพราะถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่เดิน ตาม พรรคประชาธิปัตย์ก็เสียมวย
ล่าสุด กรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งโต๊ะล่าชื่อ ส.ส.รัฐบาลถอดถอน พ.อ. อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกจากรองประธานสภาฯ ข้อหาวางตัวไม่เป็นกลาง (ไปโผล่ขึ้นเวทีกลุ่มเสื้อแดง)
เป็นแผนยิงกระสุนนัดเดียวได้นก 2 ตัว
1, กำจัด พ.อ.อภิวันท์ ซึ่งเป็นหอก ข้างแคร่ของรัฐบาล ไม่ให้คุมเกมประชุมสภาฯอีกต่อไป
2, เมื่อเก้าอี้รองประธานสภาฯว่างลง ก็เป็นโอกาสเอาคนของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเสียบแทน
ปรากฏว่า เกมล่าชื่อ ส.ส.ถอดถอน "พ.อ.อภิวันท์" ออกจากรองประธานสภาฯ ไม่ได้รับการร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาล
ปู่ชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ จากพรรคภูมิใจไทย ออกมาค้านทันควัน
ปู่ชัย บอกว่า การที่ พ.อ.อภิวันท์ จะไปทำอะไรนอกสภาฯเป็นสิทธิส่วนบุคคล
แต่การทำหน้าที่ควบคุมการประชุมสภาฯ "พ.อ.อภิวันท์" มีความเป็นกลาง และยังปฏิบัติหน้าที่ได้ดี
เช่นเดียวกับ "วัชระ กรรณิการ์" โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงว่า การแสดงความเห็นนอกสภาฯของ พ.อ.อภิวันท์ เป็นเรื่องส่วนตัว
แต่การปฏิบัติหน้าที่ของ พ.อ.อภิวันท์ ในฐานะรองประธานสภาฯ ไม่มีปัญหาเรื่อง ความเป็นกลาง
พรรคชาติไทยพัฒนาไม่เห็นด้วย ที่จะยื่นถอดถอน พ.อ.อภิวันท์
สรุปว่า เมื่อพรรคร่วมรัฐบาลไม่เอาด้วย เกมล่าชื่อถอดถอนรองประธานสภาฯก็เหี่ยวปลาย
ข้อสำคัญ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่เปิดช่องให้ ส.ส.เข้าชื่อถอดถอนประธาน และรองประธานสภาฯ
การไม่ศึกษากติการัฐธรรมนูญให้ดีเสียก่อน จึงไปไม่รอดฉะนี้แล.
"แม่ลูกจันทร์"
ล่มติดต่อกันครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เปิดสมัยประชุมแค่เดือนเดียว
ถือเป็นความห่วยแตกที่สุดในประวัติศาสตร์รัฐสภาไทย!!
"แม่ลูกจันทร์" เสียดายภาษีประชาชนที่จ่ายเงินเดือนให้ ส.ส.ที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเอง
สาเหตุสภาฯล่มครั้งล่าสุดก็อีหรอบเดิม...คือมี ส.ส.รัฐบาลอยู่ในห้องประชุม 232 คน
ขาดไปอีก 6 คน จึงจะครบองค์ ประชุม
ถ้าคิดจากจำนวน ส.ส.รัฐบาล 275 คน ก็เท่ากับ ส.ส.รัฐบาลเบี้ยวประชุมถึง 43 คน
ก็เบี้ยวกันมากขนาดนี้ สภาฯไม่ ล่มก็ไม่รู้จะว่ายังไง
ผลกระทบจากสภาฯล่มซ้ำซาก ทำ ให้การพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญของรัฐบาลที่ยังค้างเป็นกะตั้กต้องเลื่อนยาวออกไป
"แม่ลูกจันทร์" เห็นว่าปัญหาสภาฯ ล่มเป็นความล้มเหลวของ "วิทยา แก้วภราดัย" ประธานวิปรัฐบาลคนใหม่ ที่ไม่สามารถควบคุม ส.ส.รัฐบาลให้ครบองค์ ประชุม
เทียบฝีมือกับ "ชินวรณ์ บุณยเกียรติ" ประธานวิปรัฐบาลคนเก่า เห็นชัด ว่ากระดูกคนละเบอร์
"แม่ลูกจันทร์" กระชุ่น "วิทยา" ในฐานะประธานวิปรัฐบาลให้เร่งปรับปรุง การทำหน้าที่ของตัวเอง
สำคัญที่สุดคือต้องประสานความร่วมมือกับประธานวิปฝ่ายค้านเพื่อให้การประชุมสภาฯเดินหน้าไปด้วยดี
เพราะถ้ายังเล่นเกมกันอย่างนี้จะเกิดความเสียหายต่อสถาบันรัฐสภาในภาพรวม
ความจริงต้นเหตุของปัญหาวุ่นวาย ในสภาฯเพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่
ให้ความสำคัญกับพรรคร่วมรัฐบาลเท่า ที่ควร
ในฐานะพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ การจะดำเนินการอะไรควรปรึกษาพรรค ร่วมรัฐบาลเสียก่อนให้เห็นพ้องต้องกัน
อย่าคิดว่าเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ เดินหน้า พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคต้องเดินตาม
เพราะถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่เดิน ตาม พรรคประชาธิปัตย์ก็เสียมวย
ล่าสุด กรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งโต๊ะล่าชื่อ ส.ส.รัฐบาลถอดถอน พ.อ. อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกจากรองประธานสภาฯ ข้อหาวางตัวไม่เป็นกลาง (ไปโผล่ขึ้นเวทีกลุ่มเสื้อแดง)
เป็นแผนยิงกระสุนนัดเดียวได้นก 2 ตัว
1, กำจัด พ.อ.อภิวันท์ ซึ่งเป็นหอก ข้างแคร่ของรัฐบาล ไม่ให้คุมเกมประชุมสภาฯอีกต่อไป
2, เมื่อเก้าอี้รองประธานสภาฯว่างลง ก็เป็นโอกาสเอาคนของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเสียบแทน
ปรากฏว่า เกมล่าชื่อ ส.ส.ถอดถอน "พ.อ.อภิวันท์" ออกจากรองประธานสภาฯ ไม่ได้รับการร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาล
ปู่ชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ จากพรรคภูมิใจไทย ออกมาค้านทันควัน
ปู่ชัย บอกว่า การที่ พ.อ.อภิวันท์ จะไปทำอะไรนอกสภาฯเป็นสิทธิส่วนบุคคล
แต่การทำหน้าที่ควบคุมการประชุมสภาฯ "พ.อ.อภิวันท์" มีความเป็นกลาง และยังปฏิบัติหน้าที่ได้ดี
เช่นเดียวกับ "วัชระ กรรณิการ์" โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงว่า การแสดงความเห็นนอกสภาฯของ พ.อ.อภิวันท์ เป็นเรื่องส่วนตัว
แต่การปฏิบัติหน้าที่ของ พ.อ.อภิวันท์ ในฐานะรองประธานสภาฯ ไม่มีปัญหาเรื่อง ความเป็นกลาง
พรรคชาติไทยพัฒนาไม่เห็นด้วย ที่จะยื่นถอดถอน พ.อ.อภิวันท์
สรุปว่า เมื่อพรรคร่วมรัฐบาลไม่เอาด้วย เกมล่าชื่อถอดถอนรองประธานสภาฯก็เหี่ยวปลาย
ข้อสำคัญ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่เปิดช่องให้ ส.ส.เข้าชื่อถอดถอนประธาน และรองประธานสภาฯ
การไม่ศึกษากติการัฐธรรมนูญให้ดีเสียก่อน จึงไปไม่รอดฉะนี้แล.
"แม่ลูกจันทร์"