วิกฤติไฟใต้ยืดเยื้อมาแล้ว 5 ปี ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะคลี่คลาย
รัฐบาลและกองทัพได้ทุ่มงบประมาณมหาศาลจัดซื้ออุปกรณ์ทันสมัยเพื่อใช้ติดตามไล่ล่ากลุ่มโจรแบ่งแยกดินแดน
แต่อุปกรณ์ราคาแพงหูฉี่ที่ซื้อมาใช้ ใน 3 จังหวัดภาคใต้ แทนที่จะช่วยแก้ ปัญหา กลับสร้างปัญหาซะเอง!!
โครงการติดตั้งกล้องซีซีทีวี หรือทีวีวงจรปิด 3,000 ตัว เงินจ่ายไปแล้ว แต่กล้องกับสายยังไม่มา
โครงการจัดซื้อเครื่องจีที 200 ตรวจหาสารระเบิด ราคาแพงหูฉี่ แต่ไม่มีประสิทธิภาพ อย่างที่โฆษณา
ล่าสุด โครงการจัดซื้อ "เรือเหาะตรวจการณ์" มูลค่า 9.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 340 ล้านบาท ก็กำลังบานไม่หุบอีกหนึ่งรายการ
บานไม่หุบ เพราะเรือเหาะมันเหาะไม่ได้ตามสเปกที่ระบุในสัญญา
กล้องถ่ายภาพพิเศษที่ติดตั้งบนเรือเหาะไม่สามารถส่งสัญญาณภาพไปสู่สถานีภาคพื้นดินได้ครบวงจร
เงื่อนไขกำหนดว่าเรือเหาะต้องบรรทุก ผู้โดยสารได้ไม่ตํ่ากว่า 3 คน เป็นนักบิน 1 คน เจ้าหน้าที่สื่อสาร 1 คน และเจ้าหน้าที่ถ่ายภาพอีก 1 คน
แต่เอาเข้าจริงบรรทุกผู้โดยสารได้แค่ คนเดียว!!
แถมผลการตรวจสภาพเรือเหาะพบรูรั่วและรอยซึมถึง 20 จุด ต้องปะผุกันชุลมุน
โฆษณาว่าเป็นเรือเหาะใหม่แกะกล่อง... สงสัยจะใหม่แต่กล่องอย่างเดียว??
ที่ "แม่ลูกจันทร์" กระชุ่นมาทั้งหมดคือ คำตอบว่าเหตุใดเรือเหาะลำนี้ต้องเลื่อนกำหนด ส่งมอบมาแล้ว 6 เดือน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ยืนยันว่ากองทัพบกจะยังไม่เซ็นรับมอบเรือเหาะลำนี้ไปใช้งาน จนกว่าจะผ่านการตรวจสอบประสิทธิภาพครบทุกขั้นตอน
และถ้าเรือเหาะไม่สามารถใช้งานได้ตามสัญญา กองทัพบกจะไม่จ่ายเงินงวดสุดท้ายที่ยังค้างอีก 30 เปอร์เซ็นต์
"แม่ลูกจันทร์" เห็นว่าการจะไม่สั่งจ่ายเงินงวดสุดท้ายอีก 30 เปอร์เซ็นต์ยังไม่ใช่คำตอบที่น่าพอใจ
เพราะถ้าเรือเหาะหรือบอลลูนยักษ์ลำนี้ ไม่สามารถใช้งานได้ตามข้อตกลง กองทัพบกต้องฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทเอกชน
เอาเงินภาษีประชาชนที่จ่ายไปแล้วคืนกลับมาทุกบาททุกสตางค์ความจริงนโยบายที่จะซื้อเรือเหาะตรวจ การณ์มาใช้ใน 3 จังหวัดภาคใต้ ได้มีบรรดา ผู้สันทัดกรณีออกมาคัดค้านว่าการจัดซื้อเรือเหาะบินตรวจการณ์และติดตามการเคลื่อนไหวกลุ่มแบ่งแยกดินแดนจะไม่เวิร์กแน่นอน
เพราะสภาพภูมิประเทศใน 3 จังหวัดภาคใต้เป็นป่าทึบยากที่จะตรวจสอบจากอากาศลงมาพื้นดิน
สภาพภูมิอากาศในภาคใต้มีฝนตกชุก และพายุกระโชกแรง จึงไม่ปลอดภัยที่จะใช้เรือเหาะปฏิบัติการ
เพราะถ้าบินในระดับสูงทัศนวิสัยไม่ เอื้ออำนวย
แต่ถ้าบินระดับต่ำก็อาจเป็นเป้าถูกลอบยิง??
ข้อสำคัญ เรือเหาะหรือบอลลูนไม่สามารถ เคลื่อนไหวได้รวดเร็วและคล่องตัวเหมือนเครื่องบิน
เรือเหาะจึงเหมาะที่ใช้นั่งชมวิวมากกว่าใช้งานด้านความมั่นคง
ปัญหาสำคัญคือ เรือเหาะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินไม่สามารถปฏิบัติการได้ทันท่วงที เพราะ ต้องใช้เวลาเติมก๊าซ ต้องมีเฮลิคอปเตอร์บินคุ้มกันถึง 3 ลำ
ฉะนั้น แทนที่จะเสียงบประมาณซื้อเรือเหาะราคาแพง ก็ควรซื้อเฮลิคอปเตอร์ ลาดตระเวนยังจะถูกสเปกกว่าบานตะไท
"แม่ลูกจันทร์" เสียดายที่รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงไม่รับฟังเสียงคัดค้านด้วยความหวังดี
อุตส่าห์เสียเงิน 340 ล้านบาท ซื้อเรือเหาะมาใช้ผิดที่ผิดทาง
ซื้อมาแล้วใช้งานไม่ได้ก็เสียเงินฟรี หรือใช้งานได้บ้างแต่ไม่คุ้มเงินที่เสียไปก็เสียดายสตางค์
ทีหน้าทีหลังจะซื้อเครื่องมืออะไรมาใช้...คิดให้รอบคอบนะโยม.
"แม่ลูกจันทร์"