หวั่นรัฐใช้กำลังปราบ "ตู่"เอ่ยขอโทษ-นัด8ก.พ. เคลียร์"พัลลภ-เสธ.แดง"
"จาตุรนต์"เชื่อโดนยึดเกลี้ยงทรัพย์สิน"แม้ว" 7.6 หมื่นล้านเหตุรัฐธรรมนูญรับรองการกระทำของ"คตส." และนายกฯ-บิ๊กรัฐบาลปลุกกระแสสังคมกดดันศาล หวั่นหลังตัดสินเกิดความรุนแรงร้าวลึก ยากสมานฉันท์ ติงแนวคิดกลุ่มฮาร์ดคอร์-กอง ทัพประชาชน แกนนำแดงควรหาวิธีให้ประชา ชนอดทนอดกลั้น "จตุพร"ย้ำกองทัพประชาชนไม่เกี่ยวนปช. นัดเคลียร์"พัลลภ-เสธ.แดง" 8 ก.พ. ต้องปรับจูน ทำให้ขุ่นข้องต้องขอโทษ แต่อย่าพูดเอามัน อาจแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้รบ "มาร์ค" ขวางเคลื่อนไหวใต้ดิน ถ้าผิดกฎหมายรัฐบาลยอมไม่ได้ โฆษกปชป.ชี้ กองทัพประชาชนความผิดเกิดแล้ว
"จาตุรนต์"ชี้ยึดเกลี้ยงทรัพย์"แม้ว"
เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 6 ก.พ. ที่โรงแรมเรดิสัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึง ทิศทางการเมืองไทยภายหลังจากการพิจารณายึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ที่ออกมาพูดวันนี้ไม่ต้องการกดดันศาล ไม่ต้องการให้เกิดผลใดๆ ต่อการตัดสินคดี เพราะไม่มีใครจะกดดันศาลได้ และคาดว่าจะมีการยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ทั้งหมดอยู่แล้ว การแสดงความเห็นเพื่อต้องการวิเคราะห์การเมืองทั้งก่อนและหลัง โดยเฉพาะหลังการยึดทรัพย์ รวมทั้งเสนอข้อเสนอต่อฝ่ายต่างๆ โดยหวังจะช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อบ้านเมือง และหวังว่าฝ่ายต่างๆ จะช่วยกันคิดเพื่อจะสร้างความสมานฉันท์ และเพื่อที่จะแก้ปัญหาประเทศให้เป็นประชาธิปไตย และมีความยุติธรรมมากขึ้นในโอกาสต่อไป
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ว่าตนทายเรื่องการเมืองแม่น แต่ครั้งนี้อยากให้ผิด ตนไม่ได้ดูรายละเอียดของสำนวนและกฎหมาย ไม่ทราบความคืบหน้าของการพิจารณาคดี เหตุที่เชื่อว่ามีการยึดนั้นมี 2 ส่วน ส่วนแรก มีความเห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้รับรององค์กรตรวจสอบที่คณะรัฐประหาร ตั้งขึ้นอย่าง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และรัฐธรรมนูญยังรับรองการกระทำทุกอย่างของคตส. แม้ว่าจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และระบบยุติธรรมของประเทศไทยได้ยอมรับการรัฐประหาร และการแทรกแซงระบบยุติธรรมของคณะรัฐประหาร
หลังยึดทรัพย์เสี่ยงรุนแรง
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ส่วนที่สอง จะเห็นว่า 2 เดือนที่ผ่านมา มีการปล่อยข่าวเพื่อกดดันศาลและชี้นำสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะให้เห็นว่าทรัพย์สินนี้ได้มาโดยไม่ชอบควรจะยึด และจะมีเหตุวุ่นวายรุนแรง มีบุคคลสำคัญของรัฐบาลรวมถึงตัวนายกรัฐมนตรีเอง ออกมาสร้างกระแสสังคมกดดันศาล เพื่อให้สังคมตัดสินไปก่อนศาล และมีการใช้สื่อของรัฐอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง ปล่อยให้มีการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อทั้งของรัฐและสื่อต่างๆ ในลักษณะที่กดดันศาล ชี้นำสังคม ให้สังคมตัดสินไปก่อน โดยบุคคลสำคัญของรัฐ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชา ธิปไตย และอดีตกรรมการคตส. ความจริงแล้วเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องทั้งสิ้น ทั้งในแง่กฎหมายและหลักความยุติธรรม และเกือบจะไม่เห็นการชี้แจงของเจ้าของทรัพย์ที่ถูดยึดเลย ใครชี้แจงแทนเจ้าของทรัพย์ก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ทันที
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า จากเหตุผล 2 ส่วนนี้ เชื่อว่าคนสำคัญของรัฐบาล พันธมิตร อดีตกรรมการคตส. คงจะรู้หรือเชื่อว่าจะมีการยึดทรัพย์ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีการเตรียมการของฝ่ายความมั่นคง จะมีการใช้ทีวีของรัฐชี้แจงการยึดทรัพย์ จะมีการหาทางป้องกันความรุนแรงที่จะเกิดหลังการตัดสินคดี ทำให้เชื่อว่าผลการตัดสินคดีจะยึดทรัพย์ทั้งหมด เมื่อยึดทรัพย์หมดแล้ว เรื่องนี้จะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของคนในสังคมไทย ต่อระบบและกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ทั้งในแง่ชื่นชม และมีการตั้งคำถามกันครั้งใหญ่ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงตามมา และอาจนำไปสู่การใช้กำลังในการปราบปรามประชาชน ซึ่งจะเป็นเหตุให้ความขัดแย้งในสังคมไทยยิ่งลึกและบานปลาย ยากจะสมานฉันท์
จี้นายกฯรัฐบาลเลิกกดดันศาล
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนขอเสนอว่านายกฯและรัฐบาล ควรยุติล้มเลิกการดำเนินการในลักษณะที่เป็นการกดดันศาล ชี้นำและสร้างกระแสสังคม ที่เชื่อมโยงกัน รวมทั้งการเตรียมการที่จะใช้กำลังจากฝ่ายความมั่นคงเข้าจัดการกับประชาชน เพราะการต่อสู้ของประชาชนโดยส่วนใหญ่ เป็นการต่อสู้โดยสันติเพื่อประชาธิปไตยและเพื่อความยุติธรรม ยังไม่ได้มีการเสนออะไรที่เกี่ยวกับคดีนี้ ที่ผ่านมาประชาชนได้รับการปฏิบัติ 2 มาตรฐาน ในการรักษากฎหมาย ปิดทางในการที่จะได้รับความยุติธรรมและประชาธิปไตย รัฐบาลอย่าใช้ประโยชน์จากความอัดอั้นตันใจ อดรนทนไม่ไหวของประชาชน อย่าฉวยโอกาสในคนส่วนน้อยที่มีความคิดใช้ความรุนแรง หรือสร้างความวุ่นวายมาเป็นโอกาสในการปราบปรามประชาชน
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า รัฐบาลได้เปรียบ หลายด้าน คุมสื่อไว้ทั้งหมด อาจปราบปรามประชาชนได้อย่างสบายๆ แต่ระยะยาว สังคมไทยจะเป็นสังคมที่ขัดแย้งกันรุนแรงมากยิ่งขึ้น ยากที่จะเยียวยา สร้างความเสียหายให้กับประเทศยิ่งขึ้น
ติงแดง-แนวคิดกองทัพปชช.
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า รัฐบาลควรตั้งหลัก พยายามสร้างความสมานฉันท์ ส่งเสริมหรือเข้าร่วมในการแก้ไขกติกาให้เป็นประชาธิปไตย และส่งเสริมให้มีความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงระบบยุติธรรมของประเทศนี้ ให้มีความยุติธรรมมากกว่าที่เป็นอยู่ ในส่วนของผู้ที่ต่อสู้เพื่อประชา ธิปไตย อยากเสนอว่าขอให้ยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีอย่างเคร่งครัด ดำเนินการทุกอย่างภายใต้กฎหมาย แยกแยะว่าใครคือแกนนำ อะไรคือแนวทางของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอที่ระบุว่า หากมีการรัฐประหารให้ถือขวดใส่น้ำมันออกมา ตลอดจนการมีกองกำลังทหารพราน นักรบดำ หรือการตั้งกองทัพประชาชน ไม่ใช่แนวทางสันติวิธี แกนนำจะต้องปฏิเสธแนวทางการต่อสู้ด้วยวิธีเหล่านี้ และภายหลังการตัดสินคดี ขอให้แกนนำหาวิธีให้ประชาชนมีความอดทน อดกลั้นมากที่สุด ขณะที่รัฐบาลควรเปิดให้มีการเสวนาแลกเปลี่ยนความเห็น เพื่อหาแนวทางแก้ไขกระบวนการยุติธรรมของประเทศต่อไป
"ตู่"ย้ำกองทัพปชช.ไม่เกี่ยวนปช.
ที่พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน กล่าวว่า กรณีพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี แสดงความรู้สึกไม่สบายใจว่าตนไม่ให้เกียรติในการจัดตั้งกองกำลังประชาชนแห่งชาติ ฝากบอกผ่านสื่อไปถึง พล.อ.พัลลภ ว่าบทเรียนที่ร่วมรบกันมาเมื่อปี 2535 กับปัจจุบันต่างกันสิ้นเชิง เพราะปัจจุบันเป็นการต่อสู้กับอำมาตยาธิปไตยที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม การสลายการชุมนุมช่วงสงกรานต์เลือด ผู้ชุมนุมเสื้อแดงถูกล้อมปราบ แต่มีการปล่อยข่าวลอบสังหารนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี จึงเป็นบทเรียนที่สำคัญ เป็นการสร้างสถานการณ์จากฝ่ายรัฐบาล รวมถึงการจัดคนเสื้อแดงเทียมในการชุมนุม หลังจากที่มีการสืบพบว่ารถแก๊สที่นำมามีการนำไปจอดที่คิงเพาเวอร์ ซึ่งเป็นกองบัญชาการของกลุ่มเสื้อน้ำเงิน ร่วมถึงการให้ทหารใส่เสื้อแดงสร้างสถานการณ์ทุบรถนายกรัฐมนตรี ที่กระทรวงมหาดไทย
นายจตุพร กล่าวว่า พวกตนพยายามก่อกองไฟเล็กๆ ขึ้นมาใหม่ ด้วยความอดทน ป้องกันเหตุไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีก หากในระหว่างนี้ พวกอำมาตย์ ลงมือปาระเบิดบ้านตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คนใดคนหนึ่ง และประโคมข่าวว่าเป็นฝีมือเสื้อแดง หรือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เราจะอยู่อย่างไร จึงจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ตนกับพล.อ.พัลลภ คุยกันก่อนที่จะไปดูไบนั้นเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อไปคุยกันแล้วกลับมาแล้วจะต้องมาคุยกับพวกตน 3 คน เพื่อจะนำข้อเสนอต่างๆ ไปนำเสนอในที่ประชุมใหญ่ของนปช.
8 ก.พ.นัดเคลียร์"พัลลภ-เสธ.แดง"
นายจตุพร กล่าวว่า ที่บอกว่าเป็นข้อเสนอของพล.อ.พัลลภ ของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ไม่ได้เป็นการหยามเกียรติ ไม่ใช่เป็นการไม่ให้เกียรติ และไม่ได้กลัวว่าจะมีการชิงการนำอะไร เพราะพวกตนใครมาช่วยเป็นเรื่องต้องดีใจทั้งนั้น มีการคุยจนตกผลึกทั้ง 3 คน แล้วว่าการรบครั้งนี้จะเป็นการรบครั้งสุดท้าย เพื่อโค่นล้มอำมาตย์ และรัฐบาลที่หนุนอำมาตย์ ด้วยสันติวิธี เราต้องเป็นผู้ถูกกระทำไม่ใช่ผู้ที่ลงมือกระทำ ขอยืนยันว่ากองทัพประชาชน เป็นเพียงข้อเสนอของพล.อ.พัลลภ และพล.ต.ขัตติยะ ไม่ใช้มติของนปช.
นายจตุพร กล่าวว่า วันจันทร์ที่ 8 ก.พ. จะประสานเพื่อหารือกับพล.อ.พัลลภ และพล.ต. ขัตติยะ เพื่ออธิบายถึงเหตุผล และสิ่งที่ตนต้องรับผิดชอบต่อองค์กร เราจะต้องเอาชนะเผด็จ การและอำมาตย์ จึงต้องอดทน ไม่ทะเยอทะยาน เมื่อถามว่าพล.ต.ขัตติยะ ยืนยันว่าแนวคิดดังกล่าวเป็นของพ.ต.ท.ทักษิณ นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้ เพราะถ้าพูดไปแล้วจะกลายเป็นผู้ถูกกระทำ บางครั้งคำให้สัมภาษณ์อาจไม่เป็นผลดีกับการเคลื่อนไหว เพราะพูดจนเกิดช่องให้ถูกโจมตี เพราะหากก่อนที่จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วมีคนยิงบ้านตุลาการจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นคนเราสามารถที่จะคิดได้ แต่ไม่ใช่พูดทุกเรื่อง ถ้าพล.ต.ขัตติยะ เป็นอิสระ ก็ไม่มีปัญหา
เตือนอย่าพูดเอามันจะแพ้ก่อนรบ
ผู้สื่อข่าวถามว่ายังสามารถจูนเข้าหากันได้หรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ไม่ใช่จูนไม่ได้ แต่เราต้องยึดแนวทางเดิมจะทำอะไรต้องเป็นมติ ทั้งหมดต้องพูดคุยกัน ต้องวางความรู้สึก วางหน้าตาไว้ก่อน อย่าพูดเอามัน ไม่เช่นนั้นอาจอยู่ไม่ถึงการชุมนุมครั้งใหญ่ ตอนนี้ต้องปรับจูนเข้าหากัน อะไรที่ขุ่นข้องหมองใจตนก็ต้องขอโทษ เพราะพล.อ.พัลลภ อายุมากกว่าตนเยอะ และอยากจะบอกพล.อ.พัลลภ ว่าศึกครั้งนี้เหี้ยมโหดกว่าพฤษภาทมิฬเยอะ ต้องไม่ประมาท ต้องตั้งสติ ไม่เช่นนั้นจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นรบ ต้องเข้าใจอารมณ์ซึ่งกันและกัน คิดต่างได้แต่ต้องพูดคุยกันจึงจะเรียกว่าประชาธิปไตย
นายจตุพร กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะได้รับเลือกตั้ง 240 คน ว่า หากนายอภิสิทธิ์ มั่นใจเช่นนั้นก็ขอให้ยุบสภา ไม่ใช่อยู่ให้คนประณามว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ ต้องย้อนถามรัฐบาลว่ากล้าพิสูจน์หรือไม่ ไม่เช่นนั้นก็เป็นเพียงลมปากโม้ไป วันนี้พรรคประชาธิปัตย์มีแต่คนพูดเอามัน เหมือนกรณีนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จ้างคนนำอุจจาระไปปาบ้านนายกฯ หรือการที่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุพ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับสัญชาติเขมร ก็ยิ่งบ้าไปกันใหญ่ อย่างนี้น่าจะไปเป็นพวกเดียวกับผู้หญิงชุดแดงที่มาแจ้งความว่าถูกนายอภิสิทธิ์ ข่มขืน เพราะถือว่าพอๆ กัน วันๆ อยู่แต่ในจินตนาการ
"ทักษิณ"โทร.เคลียร์"จิ๋ว"แล้ว
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกอง ทัพบก แนวร่วมของกลุ่มคนเสื้อแดง ปฏิเสธว่าไม่ได้มีการตั้งโต๊ะรับรายชื่อประชาชนที่จะเข้าร่วมกองทัพประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีเพียงในพื้นที่ต่างจังหวัดเท่านั้น พร้อมยอมรับว่าแนวคิดดังกล่าวมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อต้องการเสริมกำลังให้กลุ่มคนเสื้อแดงในการเคลื่อนไหว มีจุดประสงค์หลักเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งจะยึดหลักสันติวิธีในการต่อสู้ ยืนยันว่าตนได้พูดคุยเรื่องดังกล่าวกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำนปช. แนวทางการเคลื่อน ไหวจะดำเนินการตามขั้นตอนทั้งในและนอกสภา
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวถึงการจัดตั้งกองทัพประชาชน ว่า เป็นเพียงความคิดของพล.อ.พัลลภ กับพล.ต. ขัตติยะ ที่ไปปรึกษาพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะมีการจัดตั้งองค์กรอย่างไร ประกอบกับมีการใช้ศัพท์คำพูดหวือหวาจนทำให้คนคิดว่ามีการใช้กำลังติดอาวุธ แต่ส่วนตัวมองว่าหากใช้ความรุนแรงจะตกหลุมพรางของรัฐบาล ส่วนกรณีบาดหมางระหว่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์พูดคุยทำความเข้าใจกันแล้วในเรื่องกองทัพประชาชน ที่หมายถึงการรวมพลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแบบสันติวิธี ไม่ได้หมายถึงการสร้างกองทัพติดอาวุธ หรือต้องการนำไปสู่การก่อความรุนแรง
อัด"รบ.-กองทัพ"ตีตนไปก่อนไข้
นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึงเสียงวิจารณ์การจัดตั้งกองทัพประชาชน ว่า เรื่องนี้เป็นแนวคิดที่เป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้และยังไม่มีการก่อตั้ง หรือมีการรวมตัวที่เป็นกองทัพ การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงที่ผ่านมาคนเสื้อแดงต้องเห็นพ้องต้องกัน และมีมติเป็นส่วนรวม การที่ตั้งกองทัพประชาชนในทรรศนะของรัฐบาล หรือ"ทหารนักกอล์ฟ" บางคน ไม่สามารถกระทำได้โดยง่าย รัฐบาลหรือกองทัพไม่ควรตีตนไปก่อนไข้ หรือตื่นเต้นจนเกินเหตุ หรือออกมากล่าวหาคนเสื้อแดงด้วยการยัดเยียดข้อหาล่วงหน้าว่าเป็นกบฏ
นายการุณ กล่าวว่า อยากฝากไปยังทหารนักกอล์ฟให้เข้าใจบทบาทและหน้าที่ อย่างกรณีของกลุ่มพันธมิตรประกาศแยกตนเป็นรัฐอิสระ เมื่อครั้งชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน ไม่ขึ้นตรงกับรัฐบาล ปิดล้อมรัฐสภาไม่ให้รัฐบาลเข้าไปแถลงนโยบายจนสร้างความรุนแรง มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ พฤติกรรมเหล่านี้เข้าข่ายกบฏในราชอาณาจักร จึงขอตั้งคำถามไปยังนายทหารนักกอล์ฟทั้งหลายว่าเวลานั้นพวกท่านทำอะไรกันอยู่ กองทัพต้องไม่เลือกปฏิบัติอย่างที่เป็นอยู่
"ทีวีมท.-ช่อง11"ไม่เป็นกลาง
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรค กล่าวถึงการเปิดตัวทีวีมหาดไทย ว่า ไม่มีความจำเป็น เพราะปัจจุบันรัฐบาลมีสื่อจนล้นมือแล้ว และควรนำสื่อที่มีอยู่มาปรับปรุงคุณธรรม จริยธรรม หรือจรรยาบรรณของสื่อสารมวลชนเข้าไปเท่านั้นก็สามารถสร้างความสามัคคีได้แล้ว ทีวีมหาดไทย หรือทีวีสีน้ำเงิน ไม่ควรมีวาระใดๆ แอบแฝง เพราะใช้เงินจากภาษีประชาชน อีกทั้งทีวีมหาดไทยยังอยู่ภายใต้ร่มเงาของนายเนวิน ชิดชอบ เพราะส่วนใหญ่บุคลากรที่ทำเคยทำงานให้กับหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นหนังสือพิมพ์ของกลุ่มเสื้อแดง เมื่อครั้งที่นายเนวิน ยังอยู่กับพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน วันนี้หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์จะหยุดวางแผงแต่กลับไปทำงานให้กับทีวีมหาดไทย
นายจิรายุ กล่าวว่า นอกจากรัฐบาลไม่เร่งรัดแก้ไขปัญหาความสามัคคีของคนในชาติแล้วยังใช้อาวุธ สรรพกำลังชุดใหญ่ที่มีอยู่ ทั้งสื่อบนดินและสื่อใต้ถุน เพิ่มดีกรีความแตกแยกให้กับสังคม ทั้งที่รัฐบาลควรที่จะสร้างความสามัคคีจากสื่อที่มีอยู่ เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความเป็นกลางมาเป็นผู้จัดรายการบ้าง หรือเปิดโอกาสให้ผู้ที่เห็นต่างกับรัฐบาลได้แสดงความเห็น วันนี้การบริหารงานของกรมประชาสัมพันธ์ ภายใต้อธิบดีสายแข็งอย่างนายกฤษณพร เสริมพาณิช และนางรัตนา เจริญศักดิ์ ผอ.ช่อง ที่ย้ายมาจากจ.สุราษฎร์ธานี ถิ่นของตระกูลเทือกสุบรรณ อาการหนัก วิญญาณไม่เข้าร่างคล้ายถูกคนในรัฐบาลสิง ทำให้ช่อง 11 เป็นตัวเพิ่มมลพิษความแตกแยก ขอเตือนไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีและคนในกรมประชาสัมพันธ์ พรรคเพื่อไทยกำลังรวบรวมข้อมูลในการกระทำผิดกฎหมาย และขอบคุณข้าราชการหัวใจสีแดงที่ส่งข้อมูลมาให้ ทั้งในส่วนของการจัดซื้ออุปกรณ์ หรือผลประโยชน์ทับซ้อน
 พยากรณ์-นายจาตุรนต์ ฉายแสง แถลงวิเคราะห์ทางการเมือง โดยคาดว่าศาลฏีกาแผนกคดีอาญานักกการเมือง ต้องยึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ขินวัตร อดีตนายกฯทั้งหมด และจะเป็นชนวนให้เกิดความรุนแรง เมื่อวันที่ 6 ก.พ. |
"จาตุรนต์"ชี้ยึดเกลี้ยงทรัพย์"แม้ว"
เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 6 ก.พ. ที่โรงแรมเรดิสัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึง ทิศทางการเมืองไทยภายหลังจากการพิจารณายึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ที่ออกมาพูดวันนี้ไม่ต้องการกดดันศาล ไม่ต้องการให้เกิดผลใดๆ ต่อการตัดสินคดี เพราะไม่มีใครจะกดดันศาลได้ และคาดว่าจะมีการยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ทั้งหมดอยู่แล้ว การแสดงความเห็นเพื่อต้องการวิเคราะห์การเมืองทั้งก่อนและหลัง โดยเฉพาะหลังการยึดทรัพย์ รวมทั้งเสนอข้อเสนอต่อฝ่ายต่างๆ โดยหวังจะช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อบ้านเมือง และหวังว่าฝ่ายต่างๆ จะช่วยกันคิดเพื่อจะสร้างความสมานฉันท์ และเพื่อที่จะแก้ปัญหาประเทศให้เป็นประชาธิปไตย และมีความยุติธรรมมากขึ้นในโอกาสต่อไป
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ว่าตนทายเรื่องการเมืองแม่น แต่ครั้งนี้อยากให้ผิด ตนไม่ได้ดูรายละเอียดของสำนวนและกฎหมาย ไม่ทราบความคืบหน้าของการพิจารณาคดี เหตุที่เชื่อว่ามีการยึดนั้นมี 2 ส่วน ส่วนแรก มีความเห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้รับรององค์กรตรวจสอบที่คณะรัฐประหาร ตั้งขึ้นอย่าง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และรัฐธรรมนูญยังรับรองการกระทำทุกอย่างของคตส. แม้ว่าจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และระบบยุติธรรมของประเทศไทยได้ยอมรับการรัฐประหาร และการแทรกแซงระบบยุติธรรมของคณะรัฐประหาร
หลังยึดทรัพย์เสี่ยงรุนแรง
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ส่วนที่สอง จะเห็นว่า 2 เดือนที่ผ่านมา มีการปล่อยข่าวเพื่อกดดันศาลและชี้นำสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะให้เห็นว่าทรัพย์สินนี้ได้มาโดยไม่ชอบควรจะยึด และจะมีเหตุวุ่นวายรุนแรง มีบุคคลสำคัญของรัฐบาลรวมถึงตัวนายกรัฐมนตรีเอง ออกมาสร้างกระแสสังคมกดดันศาล เพื่อให้สังคมตัดสินไปก่อนศาล และมีการใช้สื่อของรัฐอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง ปล่อยให้มีการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อทั้งของรัฐและสื่อต่างๆ ในลักษณะที่กดดันศาล ชี้นำสังคม ให้สังคมตัดสินไปก่อน โดยบุคคลสำคัญของรัฐ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชา ธิปไตย และอดีตกรรมการคตส. ความจริงแล้วเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องทั้งสิ้น ทั้งในแง่กฎหมายและหลักความยุติธรรม และเกือบจะไม่เห็นการชี้แจงของเจ้าของทรัพย์ที่ถูดยึดเลย ใครชี้แจงแทนเจ้าของทรัพย์ก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ทันที
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า จากเหตุผล 2 ส่วนนี้ เชื่อว่าคนสำคัญของรัฐบาล พันธมิตร อดีตกรรมการคตส. คงจะรู้หรือเชื่อว่าจะมีการยึดทรัพย์ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีการเตรียมการของฝ่ายความมั่นคง จะมีการใช้ทีวีของรัฐชี้แจงการยึดทรัพย์ จะมีการหาทางป้องกันความรุนแรงที่จะเกิดหลังการตัดสินคดี ทำให้เชื่อว่าผลการตัดสินคดีจะยึดทรัพย์ทั้งหมด เมื่อยึดทรัพย์หมดแล้ว เรื่องนี้จะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของคนในสังคมไทย ต่อระบบและกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ทั้งในแง่ชื่นชม และมีการตั้งคำถามกันครั้งใหญ่ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงตามมา และอาจนำไปสู่การใช้กำลังในการปราบปรามประชาชน ซึ่งจะเป็นเหตุให้ความขัดแย้งในสังคมไทยยิ่งลึกและบานปลาย ยากจะสมานฉันท์
จี้นายกฯรัฐบาลเลิกกดดันศาล
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนขอเสนอว่านายกฯและรัฐบาล ควรยุติล้มเลิกการดำเนินการในลักษณะที่เป็นการกดดันศาล ชี้นำและสร้างกระแสสังคม ที่เชื่อมโยงกัน รวมทั้งการเตรียมการที่จะใช้กำลังจากฝ่ายความมั่นคงเข้าจัดการกับประชาชน เพราะการต่อสู้ของประชาชนโดยส่วนใหญ่ เป็นการต่อสู้โดยสันติเพื่อประชาธิปไตยและเพื่อความยุติธรรม ยังไม่ได้มีการเสนออะไรที่เกี่ยวกับคดีนี้ ที่ผ่านมาประชาชนได้รับการปฏิบัติ 2 มาตรฐาน ในการรักษากฎหมาย ปิดทางในการที่จะได้รับความยุติธรรมและประชาธิปไตย รัฐบาลอย่าใช้ประโยชน์จากความอัดอั้นตันใจ อดรนทนไม่ไหวของประชาชน อย่าฉวยโอกาสในคนส่วนน้อยที่มีความคิดใช้ความรุนแรง หรือสร้างความวุ่นวายมาเป็นโอกาสในการปราบปรามประชาชน
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า รัฐบาลได้เปรียบ หลายด้าน คุมสื่อไว้ทั้งหมด อาจปราบปรามประชาชนได้อย่างสบายๆ แต่ระยะยาว สังคมไทยจะเป็นสังคมที่ขัดแย้งกันรุนแรงมากยิ่งขึ้น ยากที่จะเยียวยา สร้างความเสียหายให้กับประเทศยิ่งขึ้น
ติงแดง-แนวคิดกองทัพปชช.
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า รัฐบาลควรตั้งหลัก พยายามสร้างความสมานฉันท์ ส่งเสริมหรือเข้าร่วมในการแก้ไขกติกาให้เป็นประชาธิปไตย และส่งเสริมให้มีความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงระบบยุติธรรมของประเทศนี้ ให้มีความยุติธรรมมากกว่าที่เป็นอยู่ ในส่วนของผู้ที่ต่อสู้เพื่อประชา ธิปไตย อยากเสนอว่าขอให้ยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีอย่างเคร่งครัด ดำเนินการทุกอย่างภายใต้กฎหมาย แยกแยะว่าใครคือแกนนำ อะไรคือแนวทางของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอที่ระบุว่า หากมีการรัฐประหารให้ถือขวดใส่น้ำมันออกมา ตลอดจนการมีกองกำลังทหารพราน นักรบดำ หรือการตั้งกองทัพประชาชน ไม่ใช่แนวทางสันติวิธี แกนนำจะต้องปฏิเสธแนวทางการต่อสู้ด้วยวิธีเหล่านี้ และภายหลังการตัดสินคดี ขอให้แกนนำหาวิธีให้ประชาชนมีความอดทน อดกลั้นมากที่สุด ขณะที่รัฐบาลควรเปิดให้มีการเสวนาแลกเปลี่ยนความเห็น เพื่อหาแนวทางแก้ไขกระบวนการยุติธรรมของประเทศต่อไป
"ตู่"ย้ำกองทัพปชช.ไม่เกี่ยวนปช.
ที่พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน กล่าวว่า กรณีพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี แสดงความรู้สึกไม่สบายใจว่าตนไม่ให้เกียรติในการจัดตั้งกองกำลังประชาชนแห่งชาติ ฝากบอกผ่านสื่อไปถึง พล.อ.พัลลภ ว่าบทเรียนที่ร่วมรบกันมาเมื่อปี 2535 กับปัจจุบันต่างกันสิ้นเชิง เพราะปัจจุบันเป็นการต่อสู้กับอำมาตยาธิปไตยที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม การสลายการชุมนุมช่วงสงกรานต์เลือด ผู้ชุมนุมเสื้อแดงถูกล้อมปราบ แต่มีการปล่อยข่าวลอบสังหารนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี จึงเป็นบทเรียนที่สำคัญ เป็นการสร้างสถานการณ์จากฝ่ายรัฐบาล รวมถึงการจัดคนเสื้อแดงเทียมในการชุมนุม หลังจากที่มีการสืบพบว่ารถแก๊สที่นำมามีการนำไปจอดที่คิงเพาเวอร์ ซึ่งเป็นกองบัญชาการของกลุ่มเสื้อน้ำเงิน ร่วมถึงการให้ทหารใส่เสื้อแดงสร้างสถานการณ์ทุบรถนายกรัฐมนตรี ที่กระทรวงมหาดไทย
นายจตุพร กล่าวว่า พวกตนพยายามก่อกองไฟเล็กๆ ขึ้นมาใหม่ ด้วยความอดทน ป้องกันเหตุไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีก หากในระหว่างนี้ พวกอำมาตย์ ลงมือปาระเบิดบ้านตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คนใดคนหนึ่ง และประโคมข่าวว่าเป็นฝีมือเสื้อแดง หรือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เราจะอยู่อย่างไร จึงจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ตนกับพล.อ.พัลลภ คุยกันก่อนที่จะไปดูไบนั้นเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อไปคุยกันแล้วกลับมาแล้วจะต้องมาคุยกับพวกตน 3 คน เพื่อจะนำข้อเสนอต่างๆ ไปนำเสนอในที่ประชุมใหญ่ของนปช.
8 ก.พ.นัดเคลียร์"พัลลภ-เสธ.แดง"
นายจตุพร กล่าวว่า ที่บอกว่าเป็นข้อเสนอของพล.อ.พัลลภ ของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ไม่ได้เป็นการหยามเกียรติ ไม่ใช่เป็นการไม่ให้เกียรติ และไม่ได้กลัวว่าจะมีการชิงการนำอะไร เพราะพวกตนใครมาช่วยเป็นเรื่องต้องดีใจทั้งนั้น มีการคุยจนตกผลึกทั้ง 3 คน แล้วว่าการรบครั้งนี้จะเป็นการรบครั้งสุดท้าย เพื่อโค่นล้มอำมาตย์ และรัฐบาลที่หนุนอำมาตย์ ด้วยสันติวิธี เราต้องเป็นผู้ถูกกระทำไม่ใช่ผู้ที่ลงมือกระทำ ขอยืนยันว่ากองทัพประชาชน เป็นเพียงข้อเสนอของพล.อ.พัลลภ และพล.ต.ขัตติยะ ไม่ใช้มติของนปช.
นายจตุพร กล่าวว่า วันจันทร์ที่ 8 ก.พ. จะประสานเพื่อหารือกับพล.อ.พัลลภ และพล.ต. ขัตติยะ เพื่ออธิบายถึงเหตุผล และสิ่งที่ตนต้องรับผิดชอบต่อองค์กร เราจะต้องเอาชนะเผด็จ การและอำมาตย์ จึงต้องอดทน ไม่ทะเยอทะยาน เมื่อถามว่าพล.ต.ขัตติยะ ยืนยันว่าแนวคิดดังกล่าวเป็นของพ.ต.ท.ทักษิณ นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้ เพราะถ้าพูดไปแล้วจะกลายเป็นผู้ถูกกระทำ บางครั้งคำให้สัมภาษณ์อาจไม่เป็นผลดีกับการเคลื่อนไหว เพราะพูดจนเกิดช่องให้ถูกโจมตี เพราะหากก่อนที่จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วมีคนยิงบ้านตุลาการจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นคนเราสามารถที่จะคิดได้ แต่ไม่ใช่พูดทุกเรื่อง ถ้าพล.ต.ขัตติยะ เป็นอิสระ ก็ไม่มีปัญหา
เตือนอย่าพูดเอามันจะแพ้ก่อนรบ
ผู้สื่อข่าวถามว่ายังสามารถจูนเข้าหากันได้หรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ไม่ใช่จูนไม่ได้ แต่เราต้องยึดแนวทางเดิมจะทำอะไรต้องเป็นมติ ทั้งหมดต้องพูดคุยกัน ต้องวางความรู้สึก วางหน้าตาไว้ก่อน อย่าพูดเอามัน ไม่เช่นนั้นอาจอยู่ไม่ถึงการชุมนุมครั้งใหญ่ ตอนนี้ต้องปรับจูนเข้าหากัน อะไรที่ขุ่นข้องหมองใจตนก็ต้องขอโทษ เพราะพล.อ.พัลลภ อายุมากกว่าตนเยอะ และอยากจะบอกพล.อ.พัลลภ ว่าศึกครั้งนี้เหี้ยมโหดกว่าพฤษภาทมิฬเยอะ ต้องไม่ประมาท ต้องตั้งสติ ไม่เช่นนั้นจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นรบ ต้องเข้าใจอารมณ์ซึ่งกันและกัน คิดต่างได้แต่ต้องพูดคุยกันจึงจะเรียกว่าประชาธิปไตย
นายจตุพร กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะได้รับเลือกตั้ง 240 คน ว่า หากนายอภิสิทธิ์ มั่นใจเช่นนั้นก็ขอให้ยุบสภา ไม่ใช่อยู่ให้คนประณามว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ ต้องย้อนถามรัฐบาลว่ากล้าพิสูจน์หรือไม่ ไม่เช่นนั้นก็เป็นเพียงลมปากโม้ไป วันนี้พรรคประชาธิปัตย์มีแต่คนพูดเอามัน เหมือนกรณีนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จ้างคนนำอุจจาระไปปาบ้านนายกฯ หรือการที่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุพ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับสัญชาติเขมร ก็ยิ่งบ้าไปกันใหญ่ อย่างนี้น่าจะไปเป็นพวกเดียวกับผู้หญิงชุดแดงที่มาแจ้งความว่าถูกนายอภิสิทธิ์ ข่มขืน เพราะถือว่าพอๆ กัน วันๆ อยู่แต่ในจินตนาการ
"ทักษิณ"โทร.เคลียร์"จิ๋ว"แล้ว
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกอง ทัพบก แนวร่วมของกลุ่มคนเสื้อแดง ปฏิเสธว่าไม่ได้มีการตั้งโต๊ะรับรายชื่อประชาชนที่จะเข้าร่วมกองทัพประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีเพียงในพื้นที่ต่างจังหวัดเท่านั้น พร้อมยอมรับว่าแนวคิดดังกล่าวมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อต้องการเสริมกำลังให้กลุ่มคนเสื้อแดงในการเคลื่อนไหว มีจุดประสงค์หลักเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งจะยึดหลักสันติวิธีในการต่อสู้ ยืนยันว่าตนได้พูดคุยเรื่องดังกล่าวกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำนปช. แนวทางการเคลื่อน ไหวจะดำเนินการตามขั้นตอนทั้งในและนอกสภา
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวถึงการจัดตั้งกองทัพประชาชน ว่า เป็นเพียงความคิดของพล.อ.พัลลภ กับพล.ต. ขัตติยะ ที่ไปปรึกษาพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะมีการจัดตั้งองค์กรอย่างไร ประกอบกับมีการใช้ศัพท์คำพูดหวือหวาจนทำให้คนคิดว่ามีการใช้กำลังติดอาวุธ แต่ส่วนตัวมองว่าหากใช้ความรุนแรงจะตกหลุมพรางของรัฐบาล ส่วนกรณีบาดหมางระหว่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์พูดคุยทำความเข้าใจกันแล้วในเรื่องกองทัพประชาชน ที่หมายถึงการรวมพลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแบบสันติวิธี ไม่ได้หมายถึงการสร้างกองทัพติดอาวุธ หรือต้องการนำไปสู่การก่อความรุนแรง
อัด"รบ.-กองทัพ"ตีตนไปก่อนไข้
นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึงเสียงวิจารณ์การจัดตั้งกองทัพประชาชน ว่า เรื่องนี้เป็นแนวคิดที่เป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้และยังไม่มีการก่อตั้ง หรือมีการรวมตัวที่เป็นกองทัพ การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงที่ผ่านมาคนเสื้อแดงต้องเห็นพ้องต้องกัน และมีมติเป็นส่วนรวม การที่ตั้งกองทัพประชาชนในทรรศนะของรัฐบาล หรือ"ทหารนักกอล์ฟ" บางคน ไม่สามารถกระทำได้โดยง่าย รัฐบาลหรือกองทัพไม่ควรตีตนไปก่อนไข้ หรือตื่นเต้นจนเกินเหตุ หรือออกมากล่าวหาคนเสื้อแดงด้วยการยัดเยียดข้อหาล่วงหน้าว่าเป็นกบฏ
นายการุณ กล่าวว่า อยากฝากไปยังทหารนักกอล์ฟให้เข้าใจบทบาทและหน้าที่ อย่างกรณีของกลุ่มพันธมิตรประกาศแยกตนเป็นรัฐอิสระ เมื่อครั้งชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน ไม่ขึ้นตรงกับรัฐบาล ปิดล้อมรัฐสภาไม่ให้รัฐบาลเข้าไปแถลงนโยบายจนสร้างความรุนแรง มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ พฤติกรรมเหล่านี้เข้าข่ายกบฏในราชอาณาจักร จึงขอตั้งคำถามไปยังนายทหารนักกอล์ฟทั้งหลายว่าเวลานั้นพวกท่านทำอะไรกันอยู่ กองทัพต้องไม่เลือกปฏิบัติอย่างที่เป็นอยู่
"ทีวีมท.-ช่อง11"ไม่เป็นกลาง
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรค กล่าวถึงการเปิดตัวทีวีมหาดไทย ว่า ไม่มีความจำเป็น เพราะปัจจุบันรัฐบาลมีสื่อจนล้นมือแล้ว และควรนำสื่อที่มีอยู่มาปรับปรุงคุณธรรม จริยธรรม หรือจรรยาบรรณของสื่อสารมวลชนเข้าไปเท่านั้นก็สามารถสร้างความสามัคคีได้แล้ว ทีวีมหาดไทย หรือทีวีสีน้ำเงิน ไม่ควรมีวาระใดๆ แอบแฝง เพราะใช้เงินจากภาษีประชาชน อีกทั้งทีวีมหาดไทยยังอยู่ภายใต้ร่มเงาของนายเนวิน ชิดชอบ เพราะส่วนใหญ่บุคลากรที่ทำเคยทำงานให้กับหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นหนังสือพิมพ์ของกลุ่มเสื้อแดง เมื่อครั้งที่นายเนวิน ยังอยู่กับพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน วันนี้หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์จะหยุดวางแผงแต่กลับไปทำงานให้กับทีวีมหาดไทย
นายจิรายุ กล่าวว่า นอกจากรัฐบาลไม่เร่งรัดแก้ไขปัญหาความสามัคคีของคนในชาติแล้วยังใช้อาวุธ สรรพกำลังชุดใหญ่ที่มีอยู่ ทั้งสื่อบนดินและสื่อใต้ถุน เพิ่มดีกรีความแตกแยกให้กับสังคม ทั้งที่รัฐบาลควรที่จะสร้างความสามัคคีจากสื่อที่มีอยู่ เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความเป็นกลางมาเป็นผู้จัดรายการบ้าง หรือเปิดโอกาสให้ผู้ที่เห็นต่างกับรัฐบาลได้แสดงความเห็น วันนี้การบริหารงานของกรมประชาสัมพันธ์ ภายใต้อธิบดีสายแข็งอย่างนายกฤษณพร เสริมพาณิช และนางรัตนา เจริญศักดิ์ ผอ.ช่อง ที่ย้ายมาจากจ.สุราษฎร์ธานี ถิ่นของตระกูลเทือกสุบรรณ อาการหนัก วิญญาณไม่เข้าร่างคล้ายถูกคนในรัฐบาลสิง ทำให้ช่อง 11 เป็นตัวเพิ่มมลพิษความแตกแยก ขอเตือนไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีและคนในกรมประชาสัมพันธ์ พรรคเพื่อไทยกำลังรวบรวมข้อมูลในการกระทำผิดกฎหมาย และขอบคุณข้าราชการหัวใจสีแดงที่ส่งข้อมูลมาให้ ทั้งในส่วนของการจัดซื้ออุปกรณ์ หรือผลประโยชน์ทับซ้อน
อ่านรายละเอียดทั้งหมด คลิ้กที่นี่
