บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

จบสวนกุหลาบ-สอบ ม.สยาม-ผ่านเนฯ

ที่มา มติชน
โดย ประสงค์ วิสุทธิ์

ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยยามนี้ พูดล้อเล่น(ด้วยความขมขื่น)ว่า หากต้องการก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ราชการต้อง ต้องมีองค์ประกอบ 3 ประการคือ จบจากโรงเรียนสวนกุหลาบ สอบ ม.สยาม และต้องผ่านเนฯ

เล่ากันว่า มีข้าราชการระดับผู้อำนวยการกองในกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ทำงานไม่ค่อยเข้าตานักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ กำลังจะโดนสอยอยู่ร่อมร่อแล้ว แต่เผอิญวันหนึ่งนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่รู้ว่า เป็นรุ่นพี่เรียนจบจากโรงเรียนสวนกุหลาบถึงกับไปยกมือไหว้ ขอโทษและบอกเพิ่งรู้ว่า เรียนจบมาจากสถาบันเดียวกัน

การจบจากสถาบันเดียวกันอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้รับความปราณีจากนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าจะให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นต้องสวามิภักดิ์ด้วยการสอบกับ ม.สยาม และถ้าจะก้าวหน้าแบบสุดๆอาจถึงขั้นขึ้นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ก็ต้องผ่าน"เนฯ"เสียก่อน

เมื่อมีองค์ประกอบครบแล้ว ก็มีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือ ทำตามคำสั่งของนักการเมืองใหญ่ ไม่ว่าคำสั่ง(ด้วยวาจา)นั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขนาดข้าราชการระดับอธิบดีก็มีหน้าที่แค่เซ็นหนังสือที่มีการร่างมาให้เสร็จแล้วเท่านั้น ถ้าไม่ทำตามก็มีสิทธิ์สอบตก ม.สยามหรือ"เนฯ"ได้

ข้าราชการที่มีไม่มีองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่ง ต้องทำใจ รอวันเวลาที่ย้ายที่ทำงานไปไกลพ้นหูพ้นตาไม่วันใดก็วันหนึ่ง

อาจมีผู้บอกว่า ปกติข้าราชการมหาดไทย ก็ไม่หือไม่อือกับผู้มีอำนาจ สยบยอมกับนักการเมืองอยู่แล้ว

แต่ในยุคนี้ข้าราชการมหาดไทยรายหนึ่งบอกว่า หนักกว่าหลายยุคหลายสมัยเพราะคนที่เคยเป็นแค่ปลัดอำเภอ แต่วันหนึ่งกลับมามีอำนาจเหนือปลัดกระทรวง อธิบดี และผู้ว่าราชการจังหวัด เลยใช้อำนาจแบบ"สามล้อถูกหวย"ล้วงลูกทุกเม็ด

ไม่รู้มารยาทบนโต๊ะอาหาร ตะกละตะกราม มูมมาม จนข้าวปลาอาหารหกเลอะเทอะเต็มไปหมด แม้จะโดนดุว่า ก็ไม่มียางอายเพราะเป็นคนชั้นต่ำไร้สกุลรุนชาติ

ขอยกตัวอย่างการตะกละตะกรามมาให้ดูกัน 2 เรื่อง

เรื่องแรก การเปิดประมูลเช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ประกอบคามโครงการจัดทำระบบให้บริการประชาชนทางด้านการทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่ด้วย วงเงินงบประมาณ 3,490.84 ล้านบาท (ระหว่างปี 2553-2559)ของกรมปารกปครองซึ่งกระบวนการเริ่มเมื่อปลายปี 2552 และเคาะราคาจากผู้เเสนอราคา 2 รายไปเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2553

การประมูลครั้งนี้ ส่อเค้าว่า จะมีการทุจริต มีการล็อคเสป๊กด้วยการขอเพิ่มเติมคุณลักษณะของเครื่องพิมพ์บัตรประจำตัวประชาชน เกี่ยวกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมกล่องใส่บัตรฯ เพื่อให้ตรงกับคุณลักษณะของเครื่องพิมพ์บัตร ยี่ห้อหนึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายหนึ่ง

ขณะเดียวกันมีการโยกย้ายข้าราชการในสำนักบริหารการทะเบียนที่ไม่เห็นด้วยถึง 15 คนกระจายไปอยู่ต่างจังหวัดโดยอ้างว่าให้ไปช่วยราชการชั่วคราวและจะย้ายกลับมาทำหน้าที่เดิมในเดือนมีนาคม ซึ่งไม่เคยมีปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อน

หลักฐานที่ยืนยันความไม่ชอบมาพากลของการประกวดราคาคือ คณะกรรมการร่างเงื่อนไขการประมูลทั้ง 5 คนทำหนังสือร้องเรียนตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ปลัดกระทรวงและอธิอบดีกรมการปกครองว่า การประมูลครั้งนี้มีการตุกติกชัดเจน

เมื่อนายกรัฐมนตรีทราบเรื่อง มีคำสั่งให้นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยทำรายงานขี้แจง โดยนายชวรัตน์อ้างว่า ได้สั่งให้ชะลอการลงนามอนุมัติไปก่อน แต่มีนักการเมืองใหญ่รายเดิมลักไก่สั่งให้ข้าราชการระดับรองอธิบดีเซ็นส่งเรื่องให้ปลัดกระทรวงทันที

แต่เนื่องจากเป็นเผือกร้อนทำให้ข้าราชการที่เกี่ยวข้องหนีตายกันจ้าละหวั่น เว้นแต่พวกที่หวังว่า จะได้คั่วเก้าอี้อธิบดีก็ยอมตัวลงเป็นทาสคนเคยเป็นปลัดอำเภอ

เรื่องที่สอง การทุจริตการสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอเมื่อปี 2552 จำนวน 3 รุ่น 270 คนที่มีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ผู้ที่ต้องการสอบเข้าต้องจ่ายหัวละ 1 ล้านบาทให้นักการเมืองใหญ่

เมื่อ ป.ป.ช.เข้าสอบสวน พบหยานหลักฐานที่น่าตกใจ เพราะทุจริตกันอย่างมโหฬาร มีการยัดเด็กฝากของนักการเมืองใหญ่เข้าไปไม่ต่ำกว่า 140 คน

ถ้าต้องจ่ายหัวละล้านจริง ก็ฟาดเหนาะไปไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

ขณะนี้การไต่สวนของ ป.ป.ช.ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว แต่งานนี้ อาจมีข้าราชการระดับอธิบดีต้องตายแทนนักการเมืองใหญ่ ถ้ายังไม่กลับตัวกลับใจปิดปากซัดทอดผู้บงการ

คิดๆดูแล้ว ความตะกละตะกรามก็อาจเป็นข้อดีที่ทำให้มองเห็นได้ง่าย แต่พวกกินเนียนนั้น กว่าจะรู้ก็ก็อาจเหลือแต่กระดูก

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker