คำถามก็คือหากไม่ได้จอดในที่ห้ามจอด ไม่ได้จอดริมฟุตบาทขาวแดง หรือถ้าเป็นประชาชนที่ไม่เกี่ยวกับเสื้อแดงเลยเอารถมาจอดริมถนนตามปกติ ที่ทุกวันนี้ก็มีการจอดกันเกลื่อนตำรวจจะแยกแยะอย่างไร จะลากดะไปหมดให้ชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่วงั้นหรือ ถ้าแบบนั้นระวังจะเป็นแผนของนายสุเทพ ในการช่วยเพิ่มจำนวนคนชุมนุมขับไล่รัฐบาลและยิ่งกรณีที่นายสุเทพขู่ว่า ถ้าลากรถพังถือว่าช่วยไม่ได้ จะมาเรียกค่าเสียหายไม่ได้ ให้เตรียมเงินเอาไว้ซ่อมรถได้เลย...นี่คือการขมขู่หรือไม่ เป็นเรื่องน่าคิด
ไม่น่าเชื่อว่า บ้านเมืองในยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ ของนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะวุ่นวายไปได้ทุกหย่อมหญ้าขนาดนี้การเมืองก็วุ่นวาย เพราะ “ธง” ที่วางไว้เพื่อขจัดคู่แข่งทางการเมืองไปตลอดกาล และเพื่อทำในสิ่งที่กลุ่มอำมาตยาธิปไตยต้องการเลยทำให้ปัญหาบานปลายไม่จบสิ้น... สันติ สมานฉันท์ กลายเป็นสิ่งที่หายากสำหรับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ด้านการเกษตรก็สาหัสสากรรจ์ โดยเฉพาะปัญหาวิกฤตภัยแล้ง เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ในการเป็นชาติของไทย ที่เกิดอาเพทภัยแล้งขนาดที่น้ำในแม่น้ำโขงแห้งผากสนิทคนริมแม่น้ำโขงต้องแก้ปัญหาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นั่นคือเอารถแบคโฮ มาขุดพื้นทราย
ในลำน้ำโขงที่แห้งผาก เพื่อทำเป็นบ่อน้ำซึม เพื่อให้ได้น้ำไปใช้ปะทังชีวิตและช่วยพืชผลเกษตรเท่าที่พอจะช่วยได้วันนี้ไม่รู้ว่า นายอภิสิทธิ์ ซึ่งมัวแต่สนใจที่จะรับมือการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง รู้หรือไม่ว่า มีการขุดแม่น้ำโขงเพื่อหาน้ำมาใช้กว่า 20 จุดแล้วนึกไม่ออกว่า จนถึงเดือนเมษายนซึ่งจะเป็นเดือนที่ร้อนที่สุด เกษตรกรจะอยู่กันอย่างไรและแม้แต่แวดวงนักเรียนก็ยังวุ่นวาย เพราะการสอบ โอ-เน็ต (O-NET) หรือการสอบมาตรฐานการทดสอบความรู้ในระดับต่างๆ ของ
นักเรียน ม.6 ที่จัดสอบโดยสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.)เด็กโวยกันลั่น ว่า 8 กลุ่มสาระที่ สทศ. กำหนดไว้ว่ามี วิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ภาษาต่างประเทศออกข้อสอบชนิดอย่าว่าแต่เด็กเลย ผู้ใหญ่อ่านแล้วยังมึน อ้าปากค้าง
แบบนี้มันน่าจะมีข้อสอบ โอ-เน็ต ออกมาบ้างนะว่า เมื่อบ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง นายกฯ อภิสิทธิ์ ควรจะเลือกตัดสินใจอย่างไร
ก.ลาออก
ข.ยุบสภา
ค.อยู่ไปเรื่อยๆ เพราะมีคนอุ้ม
ง.ยั่วยุให้เกิดรัฐประหารอีกครั้ง
แต่ สทศ. คงติดเชื้อดื้อจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ เพราะเถียงคอเป็นเอ็นว่าเป็นการออกข้อสอบที่สุดยอดเยี่ยมกระเทียมดอง ถ้าจะมีปัญหาก็เป็นปัญหาของโรงเรียนที่สอนเด็กไม่ได้มาตรฐานเองหรือไม่งั้นก็เป็นเด็กนั่นแหละที่ทำข้อสอบไม่ได้ ... สทศ. ไม่ผิดทั้งสิ้นนี่แหละสภาพบ้านเมืองในเวลานี้ ที่ผู้ใหญ่ ผู้มีอำนาจในมือ ไม่เคยที่จะทำอะไรผิดเลยหากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น โทษนั่น อ้างนี่ไปเรื่อย สุดท้ายไม่รู้จะโทษอะไร ก็โทษกลุ่มคนที่พยายมเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริงนั่น
แหละเป็นฝ่ายที่ผิด เพราะสร้างปัญหาให้บ้านเมือง ทั้งๆ ที่หากตั้งสติทบทวนให้ดี จะชัดเจนว่า ที่บ้านเมืองวุ่นวายทุกวันนี้ก็เพราะอำมาตยาธิปไตยนั่นแหละบุกรุกพื้นที่ป่า ผิดเห็นๆ พอเรื่องเปิดเผย แค่รื้อบ้านออกไปเรื่องก็จบเงียบหายไปง่ายๆ ทั้งๆ ที่เป็นคดีอาญา โทษสูงสุดถึงขั้นติดคุกด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เงียบกริบแล้ว... แบบนี้จึงไม่แปลกหากการเมืองวันนี้ หลายคนจะบอกว่าไม่มีถอยหลังแล้ว มีแต่เดินหน้าไปสู่จุดแตกหัก... ผลจากคำสั่งลับ ผลจากแผนอุบาทว์บันได 4
ขั้น ลับ ลวง พราง ของกลุ่มอำมาตย์และนายทหาร คมช. นั่นเองที่นำพาประเทศชาติให้เดินไปสู่ภาวะที่ล่อแหลมมากขึ้นเรื่อยๆเพราะทั้งๆ ที่ กลุ่มคนเสื้อแดงพยายามใช้สิทธิขั้นพื้นฐานในการชุมนุมไล่รัฐบาล หวังให้นำไปสู่การยุบสภา เมื่อรัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ อยู่ไม่ได้ก็ต้องตัดสินใจยุบสภา กำหนดวันเลือกตั้ง... ไปต่อสู้กันในสนามเลือกตั้งแต่ถ้าดื้อไม่สนใจแรงกดดันชุมนุมขับไล่ เพราะมั่นใจในแรงหนุนจากกองทัพ ก็จะเจอกับฝ่ายค้านที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจปลาย
เดือนนี้ การเมืองในสภาก็จะร้อนตามขึ้นมาบ้างที่ต้องระวังก็คือการต่อรองอำนาจเพิ่มขึ้นของพรรคร่วมรัฐบาลที่เอือมระอาพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์เต็มทนแล้วการกดดันด้วยเรื่องของการสลับขั้วรัฐบาล เรื่องการยกมือลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมรัฐบาลที่อาจจะอ้างเหตุผลทางการเมืองปล่อยให้ฟรีโหวตนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ จะทนได้แค่ไหน??? จะได้เวลาเปลี่ยนรัฐบาลใหม่เปลี่ยนนายกฯ คนใหม่หรือไม่???สถานการณ์อย่างนี้ไม่หมูแน่ๆ
ยิ่งทุกวันนี้นายอภิสิทธิ์ และพลพรรครอบข้าง มัวแต่ให้สนใจแต่จะรับมือกลุ่มคนเสื้อแดง จนวุ่นวายไปหมด ... ข่าวลือทำสังคมสับสนแตกตื่นเป็นระยะๆเพราะพอมีข่าวกลุ่มคนเสื้อแดงจะเข้ามาชุมนุมกัน ก็มีข่าวลือหัวหน้าแก๊งเสื้อน้ำเงิน ใช้อำนาจบารมีสั่งให้ตำรวจดูอยู่เฉยๆ จะขนคนเสื้อน้ำเงินนับหมื่นเข้ากรุง เอาไว้สวมรอยเสื้อแดงแถมบางข่าว ลือกันโดยไม่คิดว่าต่างชาติจะตื่นตระหนก เพราะดันทะลึ่งลือว่ามีการขนทหารมาซุ่มโป่งอยู่ในโรงแรมดังโรงแรมใหญ่ระดับ 4-5
ดาวกลางกรุงอะไรไม่ร้ายเท่ากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ออกมาพูดขู่กันหน้าตาเฉย ว่าหากกลุ่มคนเสื้อแดงใช้แผนเอารถยนต์มาจอดไว้ริมถนนจริงๆ จะให้ตำรวจเอารถมาลากไปเก็บไว้ให้หมดซึ่งแน่นอนว่าเป็นอำนาจของตำรวจจราจรทำได้อยู่แล้ว หากคนเสื้อแดงทำผิดกฎหมายจราจรจริงๆ ก็ถือว่าช่วยไม่ได้แต่คำถามก็คือหากไม่ได้จอดในที่ห้ามจอด ไม่ได้จอดริมฟุตบาทขาวแดง หรือถ้าเป็นประชาชนที่ไม่เกี่ยวกับเสื้อแดงเลยเอารถมา
จอดริมถนนตามปกติ ที่ทุกวันนี้ก็มีการจอดกันเกลื่อนตำรวจจะแยกแยะอย่างไร จะลากดะไปหมดให้ชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่วงั้นหรือ? ถ้าแบบนั้นระวังจะเป็นแผนของนายสุเทพ ในการช่วยเพิ่มจำนวนคนชุมนุมขับไล่รัฐบาลและยิ่งกรณีที่นายสุเทพขู่ว่า ถ้าลากรถพังถือว่าช่วยไม่ได้ จะมาเรียกค่าเสียหายไม่ได้ ให้เตรียมเงินเอาไว้ซ่อมรถได้เลย… นี่คือการขมขู่หรือไม่ เป็นเรื่องน่าคิด???แต่ที่น่าคิดยิ่งกว่าก็คือ แม้ตำรวจจราจรมีอำนาจในการลากรถที่กีดขวางการจราจรก็
จริง แต่กฎหมายข้อไหนที่ให้อำนาจตำรวจว่าสามารถลากรถชาวบ้านจนพังจนเสียหายได้ถ้านายสุเทพสั่งการให้ตำรวจทำจริงๆ มีหวังคดี “เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำเกินกว่าเหตุ” รกศาลแน่ๆ... ปัญหามีว่า..ในความเป็นจริง ตำรวจทั้งกรุงเทพฯ มีรถยกซักกี่คัน จะมายกรถจำนวนแสนจำนวนล้านคันในเวลาเดียวกันได้อย่างไร?? บรรดาประชาชนที่ทุกวันนี้จำเป็นต้องจอดรถริมถนน ให้ตัดข่าวคำพูดนายสุเทพ หรืออัดเทปข่าวเก็บเอาไว้ล่วงหน้าก่อนเลย เผื่อจำเป็นต้องใช้เป็น
คดีความ... แต่ยังเชื่อว่าตำรวจคงไม่บ้าจี้ตามคำพูดของนายสุเทพเพราะพล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังยืนยันอยู่เลยว่า สถานการณ์ขณะนี้ไม่มีแนวโน้มเหตุการณ์รุนแรง จากที่กลุ่มนปช.ทั่วประเทศจะชุมนุม 14 มีนานี้จะมีก็แต่ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. ขวัญใจนายอภิสิทธ์ ที่บอกว่าตำรวจต้องไม่ประมาท และจะดำเนินการตามแผนกรกฎ 52 จากเบาไปหาหนักกับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ซึ่งนับถอยหลังวัน
ใกล้เกษียณก็จริง แต่ก็ยังต้องทำหน้าที่ตามความต้องการของกลุ่มอำมาตยาธิปไตย และแผนอุบาทว์บันได 4 ขั้น จึงออกมาพูดในการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกว่า สถานการณ์กำลังเดินมาถึงจุดที่ล่อแหลมต่อความมั่นคงของประเทศ กองทัพบกได้รับมอบหมายภารกิจให้รักษาความสงบเรียบร้อย จึงถือเป็นภาระหน้าที่ของผู้บังคับหน่วยทุกคนที่ต้องทำภารกิจนี้ให้มีประสิทธิภาพประสิทธิภาพเพื่อใครหรือ???... บิ๊กป๊อก