รายงานพิเศษ
กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน ได้ประกาศนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 มี.ค. โดยจะเคลื่อนพลเสื้อแดงจากทั่วประเทศในวันที่ 12 มี.ค.
ภายใต้สโลแกนว่า "12 มี.ค. เคลื่อนพลทั้งแผ่นดิน"
ภายใต้ธงรบ "โค่นล้มระบอบอำมาตย์และเรียกร้องให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน"
ประกาศระดมพลเสื้อแดงนับล้านคน ใช้พื้นที่สนามหลวง ยาวไปถึงถนนราชดำเนิน ลานพระบรมรูปทรงม้า
แนวทางการระดมพลและการวางยุทธศาสตร์ของกลุ่มคนเสื้อแดงต่อการชุมนุมใหญ่ที่จะเกิดขึ้น ตลอดจนการรับมือรัฐบาลที่อาจนำกฎหมายพิเศษมาควบคุม แกนนำนปช.ได้เตรียมแผนรับมือไว้อย่างไร
เมื่อวันที่ 28 ก.พ. แกนนำนปช.แดงทั้งแผ่นดิน ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ น.พ.เหวง โตจิราการ รวมทั้ง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เปิดเผยถึงแนวทางดังนี้
ก่อนจะมีเคลื่อนขบวนมาที่กรุงเทพฯ ทางกลุ่มนปช.จะมีการตั้งเวทีปราศรัยตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อเป็นการโหมโรง เพื่อเชิญชวนพี่น้องกลุ่มผู้ชุมนุมที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตย มาร่วมทัพคนเสื้อแดง
วันที่ 5 มี.ค. จะมีการปราศรัยที่จังหวัดนครราชสีมา วันที่ 7 มี.ค. ที่จังหวัดระยอง วันที่ 8 มี.ค. ที่จังหวัดอ่างทอง และวันที่ 9 มี.ค. ที่จังหวัดแพร่
จากนั้นแกนนำจะมาประจำการตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อล้มรัฐบาลต่อไป
ส่วนการชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาลของคนเสื้อแดงจะมีตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. เวลา 12.00 น. โดยจะเรียกระดมพลในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ มารวมตัวกันในสถานที่ที่สะดวก เช่น หน้าศาลากลางจังหวัด ลานอเนกประสงค์ หอนาฬิกา
เมื่อรวมกลุ่มจนครบแล้ว จะทยอยขึ้นรถกระบะและรถส่วนตัว ตั้งขบวนแห่ไปตามถนนสายหลักของแต่ละจังหวัดรอบเมือง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ และเป็นพลังหนุนมาร่วมชุมนุมให้มากขึ้นด้วย
จากนั้นเวลา 24.00 น. ของวันที่ 12 มี.ค. ถึงเวลา 01.00 น. วันที่ 13 มี.ค. กลุ่มคนเสื้อแดงจะเคลื่อนขบวนแบบคาราวานคนจน พร้อมทั้งริ้วขบวนธงรบสีแดง มีทั้งรถปิกอัพ รถเก๋ง รถอีแต๋นและการเดินเท้าไหลรวมเป็นแม่น้ำสีแดงสายย่อย มารวมตัวกันที่ตัวแทนจังหวัดแต่ละภาค เป็นพลังเพื่อเคลื่อนเข้าสู่กรุงเทพฯ ในช่วงเช้าของวันที่ 14 มี.ค.
แยกออกเป็นทัพบกและทัพเรือ
ภาคเหนือ จะไหลมารวมที่จังหวัดนครสวรรค์ ตรงนั้นจะมี พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย และกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เป็นแกนนำ
ภาคอีสาน จะไหลรวมกันที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา นำโดย นายขวัญชัย ไพรพนา นายนิสิต สินธุไพร และนายสุทิน คลังแสง
ภาคกลางและภาคตะวันตก จะไหลรวมกันที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโดย นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และ นายพายัพ ปั้นเกตุ
ภาคตะวันออก จะไหลรวมกันที่พัทยา จังหวัดชลบุรี นำโดย นายสำเริง ประจำเรือ สมาชิกอบจ.จันทบุรี แกนนำคนเสื้อแดงภาคตะวันออก
ภาคใต้จะไหลรวมกันที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำโดย นายจรัล ดิษฐาภิชัย และ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย
ส่วนกทม. นำโดย น.พ.เหวง โตจิราการ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด และขบวนคนรักแท็กซี่ แบ่งออกเป็น 10 จุด ซึ่งแต่ละจุดมีคนเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 1 หมื่นคน
คือ 1.บริเวณพระบรมรูปพระเจ้าตากสินมหาราช 2.สี่แยกหลักสี่ 3.บริเวณลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี
4.สน.ทุ่งสองห้อง 5.สี่แยกบางนา 6.สนามไทยญี่ปุ่น-ดินแดง 7.หน้าศาลากลางจังหวัดนนทบุรี 8.บริเวณคลอง 4 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 9.บริเวณคลอง 4 อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 10.ที่หน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ
ในแต่ละจุดจะเคลื่อนมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สนามหลวงและลานพระบรมรูปทรงม้า
ทัพเรือจะมีหัวขบวนอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมริ้วธงรบประจำภาคประดับอยู่ในขบวนเรือ เป็นธงรบสีแดง และขบวนเรือ ซึ่งมีเรือขนาดเล็กและใหญ่กว่า 1,000 ลำ จะเคลื่อนขบวนมาสิ้นสุดเพื่อขึ้นฝั่งที่ท่าพระจันทร์ กทม.
และแยกกลุ่มผู้ชุมนุมไป 3 จุดใหญ่ คือ 1.สนามหลวง 2.อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และ 3.ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยมีการตั้งเวทีปราศรัยในแต่ละจุด ตั้งเต็นท์พักอาศัยและโรงครัว พร้อมทั้งมีแกนนำสลับเดินสายไปตามเวทีต่างๆ
การรักษาความปลอดภัยจะดำเนินการอย่างไร
นายสุภรณ์ - แกนนำแต่ละภาคได้จัดเตรียมหน่วยไว้เฉพาะ ซึ่งเราจะไม่มีการ์ดของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก มาร่วมด้วย แต่เสธ.แดง รับปากว่า หากกลุ่มคนเสื้อแดงโนรังแกเมื่อใด กลุ่มเสธ.แดงจะมาช่วยทันที
เบื้องต้นจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกองกำลังรักษาความปลอดภัยของเสธ.แดง
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมยืดเส้นยืดสายคือการดาวกระจายไปตามหน่วยงานต่างๆ คือกองทัพบก และกองพลทหารราบที่ 11 รอ. ที่เราจำเป็นต้องไปปิดหน้าประตู เพื่อไม่ให้ทหารเหล่านี้เดินทางเข้าออก เพราะเกรงว่าทหารในนั้นจะออกมาทำร้ายประชาชนอีกครั้ง เหมือนเหตุการณ์สงกรานต์เลือด
จะชุมนุมยืดเยื้อกี่วัน
นายสุภรณ์ - เบื้องต้นเราได้กำชับผู้ชุมนุมได้เตรียมอาหารแห้ง เสื้อผ้าไว้อย่างน้อย 7 วัน ถ้าใน 7 วัน นายอภิสิทธิ์ ไม่ลาออกหรือยุบสภา เราจะกดดันโดยชุมนุมต่อ มีกองทัพชุด 2 ชุด 3 สลับหมุนเวียนไปเรื่อยๆ
มั่นใจว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จะอยู่ไม่เกินช่วงเดือนเม.ย.หรือเทศกาลสงกรานต์แน่นอน ถ้ายังคงอยู่ในขณะที่มีประชาชนนับล้านคอยขับไล่ นายอภิสิทธิ์คงไม่ใช่คนแล้ว
หากรัฐบาลคิดจะประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือพ.ร.บ.ความมั่นคง แกนนำยังยืนยันจะชุมนุมต่อ เพราะเราไม่มีอะไรจะเสีย ชนิดไม่ชนะไม่กลับบ้าน ให้รู้ดำรู้แดงไปเลย รัฐบาลอย่าประกาศใช้แบบฟุ่มเฟือย
อย่างเหตุระเบิดในช่วงนี้ เด็กอนุบาลยังดูออกเลยว่ารัฐบาลสร้างสถานการณ์เพื่อออกกฎหมาย โดยเฉพาะพ.ร.บ.ความมั่นคงหรือพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อสกัดเสื้อแดง ยืนยันเราชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง ฉะนั้นจะมาอ้างว่าไม่สงบเพื่อนำกฎหมายมาบังคับใช้กับเราไม่ได้เพราะไม่มีเหตุเหมือน 3 จังหวัดใต้
ดังนั้น คนไทยทั้งประเทศจะได้เห็นการรวมตัวของประชาชนที่ทรงพลังมากที่สุด ในวันที่ 14 มี.ค. ที่ถนนราชดำเนิน ส่วนที่รัฐบาลบอกว่ากลุ่มนปช.อ่อนแรงอ่อนล้าแตกแยกหรือไม่ได้การตอบรับจากสังคม วันนั้นรัฐบาลจะได้เห็นความจริง
และหากไม่เป็นตามจริงดังคำพูดของรัฐบาล ขอท้าให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยุบสภา
ภายใต้สโลแกนว่า "12 มี.ค. เคลื่อนพลทั้งแผ่นดิน"
ภายใต้ธงรบ "โค่นล้มระบอบอำมาตย์และเรียกร้องให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน"
ประกาศระดมพลเสื้อแดงนับล้านคน ใช้พื้นที่สนามหลวง ยาวไปถึงถนนราชดำเนิน ลานพระบรมรูปทรงม้า
แนวทางการระดมพลและการวางยุทธศาสตร์ของกลุ่มคนเสื้อแดงต่อการชุมนุมใหญ่ที่จะเกิดขึ้น ตลอดจนการรับมือรัฐบาลที่อาจนำกฎหมายพิเศษมาควบคุม แกนนำนปช.ได้เตรียมแผนรับมือไว้อย่างไร
เมื่อวันที่ 28 ก.พ. แกนนำนปช.แดงทั้งแผ่นดิน ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ น.พ.เหวง โตจิราการ รวมทั้ง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เปิดเผยถึงแนวทางดังนี้
ก่อนจะมีเคลื่อนขบวนมาที่กรุงเทพฯ ทางกลุ่มนปช.จะมีการตั้งเวทีปราศรัยตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อเป็นการโหมโรง เพื่อเชิญชวนพี่น้องกลุ่มผู้ชุมนุมที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตย มาร่วมทัพคนเสื้อแดง
วันที่ 5 มี.ค. จะมีการปราศรัยที่จังหวัดนครราชสีมา วันที่ 7 มี.ค. ที่จังหวัดระยอง วันที่ 8 มี.ค. ที่จังหวัดอ่างทอง และวันที่ 9 มี.ค. ที่จังหวัดแพร่
จากนั้นแกนนำจะมาประจำการตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อล้มรัฐบาลต่อไป
ส่วนการชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาลของคนเสื้อแดงจะมีตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. เวลา 12.00 น. โดยจะเรียกระดมพลในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ มารวมตัวกันในสถานที่ที่สะดวก เช่น หน้าศาลากลางจังหวัด ลานอเนกประสงค์ หอนาฬิกา
เมื่อรวมกลุ่มจนครบแล้ว จะทยอยขึ้นรถกระบะและรถส่วนตัว ตั้งขบวนแห่ไปตามถนนสายหลักของแต่ละจังหวัดรอบเมือง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ และเป็นพลังหนุนมาร่วมชุมนุมให้มากขึ้นด้วย
จากนั้นเวลา 24.00 น. ของวันที่ 12 มี.ค. ถึงเวลา 01.00 น. วันที่ 13 มี.ค. กลุ่มคนเสื้อแดงจะเคลื่อนขบวนแบบคาราวานคนจน พร้อมทั้งริ้วขบวนธงรบสีแดง มีทั้งรถปิกอัพ รถเก๋ง รถอีแต๋นและการเดินเท้าไหลรวมเป็นแม่น้ำสีแดงสายย่อย มารวมตัวกันที่ตัวแทนจังหวัดแต่ละภาค เป็นพลังเพื่อเคลื่อนเข้าสู่กรุงเทพฯ ในช่วงเช้าของวันที่ 14 มี.ค.
แยกออกเป็นทัพบกและทัพเรือ
ภาคเหนือ จะไหลมารวมที่จังหวัดนครสวรรค์ ตรงนั้นจะมี พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย และกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เป็นแกนนำ
ภาคอีสาน จะไหลรวมกันที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา นำโดย นายขวัญชัย ไพรพนา นายนิสิต สินธุไพร และนายสุทิน คลังแสง
ภาคกลางและภาคตะวันตก จะไหลรวมกันที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโดย นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และ นายพายัพ ปั้นเกตุ
ภาคตะวันออก จะไหลรวมกันที่พัทยา จังหวัดชลบุรี นำโดย นายสำเริง ประจำเรือ สมาชิกอบจ.จันทบุรี แกนนำคนเสื้อแดงภาคตะวันออก
ภาคใต้จะไหลรวมกันที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำโดย นายจรัล ดิษฐาภิชัย และ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย
ส่วนกทม. นำโดย น.พ.เหวง โตจิราการ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด และขบวนคนรักแท็กซี่ แบ่งออกเป็น 10 จุด ซึ่งแต่ละจุดมีคนเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 1 หมื่นคน
คือ 1.บริเวณพระบรมรูปพระเจ้าตากสินมหาราช 2.สี่แยกหลักสี่ 3.บริเวณลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี
4.สน.ทุ่งสองห้อง 5.สี่แยกบางนา 6.สนามไทยญี่ปุ่น-ดินแดง 7.หน้าศาลากลางจังหวัดนนทบุรี 8.บริเวณคลอง 4 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 9.บริเวณคลอง 4 อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 10.ที่หน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ
ในแต่ละจุดจะเคลื่อนมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สนามหลวงและลานพระบรมรูปทรงม้า
ทัพเรือจะมีหัวขบวนอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมริ้วธงรบประจำภาคประดับอยู่ในขบวนเรือ เป็นธงรบสีแดง และขบวนเรือ ซึ่งมีเรือขนาดเล็กและใหญ่กว่า 1,000 ลำ จะเคลื่อนขบวนมาสิ้นสุดเพื่อขึ้นฝั่งที่ท่าพระจันทร์ กทม.
และแยกกลุ่มผู้ชุมนุมไป 3 จุดใหญ่ คือ 1.สนามหลวง 2.อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และ 3.ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยมีการตั้งเวทีปราศรัยในแต่ละจุด ตั้งเต็นท์พักอาศัยและโรงครัว พร้อมทั้งมีแกนนำสลับเดินสายไปตามเวทีต่างๆ
การรักษาความปลอดภัยจะดำเนินการอย่างไร
นายสุภรณ์ - แกนนำแต่ละภาคได้จัดเตรียมหน่วยไว้เฉพาะ ซึ่งเราจะไม่มีการ์ดของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก มาร่วมด้วย แต่เสธ.แดง รับปากว่า หากกลุ่มคนเสื้อแดงโนรังแกเมื่อใด กลุ่มเสธ.แดงจะมาช่วยทันที
เบื้องต้นจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกองกำลังรักษาความปลอดภัยของเสธ.แดง
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมยืดเส้นยืดสายคือการดาวกระจายไปตามหน่วยงานต่างๆ คือกองทัพบก และกองพลทหารราบที่ 11 รอ. ที่เราจำเป็นต้องไปปิดหน้าประตู เพื่อไม่ให้ทหารเหล่านี้เดินทางเข้าออก เพราะเกรงว่าทหารในนั้นจะออกมาทำร้ายประชาชนอีกครั้ง เหมือนเหตุการณ์สงกรานต์เลือด
จะชุมนุมยืดเยื้อกี่วัน
นายสุภรณ์ - เบื้องต้นเราได้กำชับผู้ชุมนุมได้เตรียมอาหารแห้ง เสื้อผ้าไว้อย่างน้อย 7 วัน ถ้าใน 7 วัน นายอภิสิทธิ์ ไม่ลาออกหรือยุบสภา เราจะกดดันโดยชุมนุมต่อ มีกองทัพชุด 2 ชุด 3 สลับหมุนเวียนไปเรื่อยๆ
มั่นใจว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จะอยู่ไม่เกินช่วงเดือนเม.ย.หรือเทศกาลสงกรานต์แน่นอน ถ้ายังคงอยู่ในขณะที่มีประชาชนนับล้านคอยขับไล่ นายอภิสิทธิ์คงไม่ใช่คนแล้ว
หากรัฐบาลคิดจะประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือพ.ร.บ.ความมั่นคง แกนนำยังยืนยันจะชุมนุมต่อ เพราะเราไม่มีอะไรจะเสีย ชนิดไม่ชนะไม่กลับบ้าน ให้รู้ดำรู้แดงไปเลย รัฐบาลอย่าประกาศใช้แบบฟุ่มเฟือย
อย่างเหตุระเบิดในช่วงนี้ เด็กอนุบาลยังดูออกเลยว่ารัฐบาลสร้างสถานการณ์เพื่อออกกฎหมาย โดยเฉพาะพ.ร.บ.ความมั่นคงหรือพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อสกัดเสื้อแดง ยืนยันเราชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง ฉะนั้นจะมาอ้างว่าไม่สงบเพื่อนำกฎหมายมาบังคับใช้กับเราไม่ได้เพราะไม่มีเหตุเหมือน 3 จังหวัดใต้
ดังนั้น คนไทยทั้งประเทศจะได้เห็นการรวมตัวของประชาชนที่ทรงพลังมากที่สุด ในวันที่ 14 มี.ค. ที่ถนนราชดำเนิน ส่วนที่รัฐบาลบอกว่ากลุ่มนปช.อ่อนแรงอ่อนล้าแตกแยกหรือไม่ได้การตอบรับจากสังคม วันนั้นรัฐบาลจะได้เห็นความจริง
และหากไม่เป็นตามจริงดังคำพูดของรัฐบาล ขอท้าให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยุบสภา