บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

ประกายความหวังที่บรรเจิดขึ้น

ที่มา Thai E-News



บุกถ้ำเสือ-เสื้อแดงจัดชุมนุมหน้ากองทัพบก ถนนราชดำเนินวันนี้ ทั้งที่แดดเปรี้ยงๆฝนก็ตกลงมาสู่ที่ชุมนุมตามเคย ติดตามรับชมการถ่ายทอดสดคลิ้กที่นี่ /รับฟังการถ่ายทอดสดผ่านวิทยุอินเตอร์อินเตอร์เน็ต คลิ้กที่นี่[ภาพ:ไทยฟรีนิวส์]

โดย Pegasus
29 มกราคม 2553

“...ที่ใดมีความมืดที่นั่นอาจมีแสงสว่างรำไรอยู่ก็ได้...”


วันก่อนได้คุยกับคนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มแท็กซี่ ได้ความคิดมาไม่น้อย เลยเอามาแบ่งปันพร้อมกับเสริมแนวคิดต่างๆให้เป็นรูปธรรมสำหรับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่จะมาถึงในเวลาอันใกล้นี้

ว่ากันที่สภาพแวดล้อมก่อน ฝ่ายอำมาตย์มีการตกลงใจกันแล้วว่า จะหาช่องทางสร้างความชอบธรรมเพื่อปราบขบวนการประชาธิปไตยลงเหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา ด้วยข้อหา ไม่จงรักภักดี สะสมอาวุธ คอมมิวนิสต์ หรือมีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง อันนี้เป็นธงที่ตั้งไว้

เมื่อพลเอก อ. ฯไม่เอาด้วย เนื่องจากขอเกษียณอายุอย่างปลอดภัยดีกว่า ภาระจึงตกอยู่กับพลเอกท่านอื่นที่ต้องลงมือ คำถามคือทำไมต้องลงมือใช้ความรุนแรง ช่องทางอื่นไม่มีหรือ คำตอบคือมี..

แต่ที่เครือข่ายอำมาตย์ทั้งหลายไม่ต้องการก็คือการคืนอำนาจอธิปไตยให้กับปวงชนชาวไทยตัดสินชะตาชีวิตของตัวเอง ก็เพราะเพื่อผลประโยชน์อันมหึมา อย่างนึกไม่ถึงในการสูบกินประชาชนและประเทศไทยนี้ทำให้ยากที่จะยอมให้ประชาชนโงหัวขึ้นมาจากการเหมือนเป็นไพร่ ทาส ได้แต่ทำให้ทุกชีวิตทำงานหาเงินด้วยค่าจ้างต่ำ ทำงานหนัก และต้องผูกพันส่งเงินทองให้เข้าระบบของอำมาตย์ทั้งที่เป็นบนดินเช่น ราคาสินค้า ราคาลอตเตอรี อัตราดอกเบี้ย อัตราภาษี และใต้ดิน ได้แก่เงินกู้นอกระบบ รุกป่า ทำลายทรัพยากร เส้นสาย มาเฟีย ฯลฯ ปีละหลายแสนหลายหมื่นล้านบาทโดยไม่มีใครกล้า หรือทำอะไรเครือข่ายนี้ได้ตลอดมา

ปัญหาคือฝ่ายอำมาตย์จะสร้างสถานการณ์ให้เกิดการปราบได้อย่างไร เพราะถ้าปล่อยการเมืองให้เดินไปเองสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการเลือกตั้ง ซึ่งเครือข่ายอำมาตย์ยอมไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการรอให้ครบเทอมหรือการยุบสภา

นอกจากนั้นสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่งคือ โรคติดต่อร้ายแรงที่เรียกว่า “โรคตาสว่าง” ยิ่งนานวันอัตราการระบาดก็ขยายตัวมากยิ่งขึ้น จากการชุมนุมไม่ว่าใหญ่หรือย่อยของฝ่ายประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงื่อนไขชี้ขาดชัยชนะได้แก่ความเข้าใจความจริงในค่ายทหาร ความคิดที่เห็นว่าเสื้อแดงจะค่อยๆหมดการสนับสนุนไปเองนั้น ดูเหมือนจะเป็นการคาดคะเนที่ผิด เพราะส่วนใหญ่เป็นคนเสื้อแดงที่ออกเงินหาทุนมาเรียกร้องประชาธิปไตยกันเองทั้งนั้น

ดังนั้นการยึดเงิน 76,000 ล้านจึงไม่ใช่ปัญหาของคนเสื้อแดง แต่จะเป็นการกระตุ้นให้มีคนเสื้อแดงเพิ่มขึ้นเท่านั้น และถึงอย่างไรในระยะปานกลางก็จะต้องนำไปสู่การเลือกตั้งเมื่อครบเทอมอยู่ดี หากไม่มีการยุบสภาเสียก่อน และไม่ว่ากรณีใดๆพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยจะประสบชัยชนะเสมอ

และแม้ว่าแผนการที่จะยุบพรรคก่อนการยุบสภานั้นจะวางไว้แล้ว แต่ฝ่ายประชาธิปไตยก็จะสู้อย่างอดทนต่อไป และด้วยความแค้นที่ทับถมทวีขึ้นจนในที่สุดอาจจะระบาดกลายเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของคนไทยอย่างเปิดเผยในที่สุด และเมื่อถึงเวลานั้นการเลือกตั้งคงไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับการได้มาซึ่งประชาธิปไตยอีกต่อไปแล้ว

โรคตาสว่างที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ทำให้ประชาชนที่เป็นเสื้อแดงและกำลังจะมาเป็นเสื้อแดง เห็นได้ชัดเจนว่าศัตรูที่คอยทำร้ายพวกเขาคือใคร ไม่ว่าจะเป็นพวกศักดินาคือเจ้าขุนมูลนายเดิม อำมาตย์คือข้าราชการที่มีอำนาจรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง นายทุนผูกขาดที่อิงแอบกับศักดินาเดิมแล้วเคลื่อนย้ายมาเป็นพรรคพวกกับอำมาตย์ และนายทุนข้ามชาติที่ติดต่อทางธุรกิจผ่านทางกลุ่มศักดินาอำมาตย์ ซึ่งต่อไปจะเรียกรวมๆว่าเป็นฝ่ายอำมาตย์

โรคตาสว่างทำให้คนล่างสุดจนถึงสูงสุดของห่วงโซ่อาหารทางอำนาจและผลประโยชน์นี้เกิดความสำนึกว่าพวกเขากำลังถูกล่าอยู่ตลอดเวลาด้วยกรงเล็บที่โหดเหี้ยมและโลภเป็นอย่างยิ่ง

ชาวไร่ ชาวนา รู้สึกว่าพวกเขาทำงานหนัก แต่ไม่สามารถกำหนดราคาสินค้าได้ เพราะพ่อค้าคนกลางและเจ้าหนี้นอกระบบซึ่งที่จริงแล้วก็เป็นสาขาของเครือข่ายอำมาตย์ได้ควบคุมราคาและชีวิตของพวกเขาอยู่

กรรมกรรู้สึกว่าถูกกดขี่แรงงาน ค่าจ้างขั้นต่ำเป็นสิ่งที่ต่อรองยากเข็ญเหลือเกิน ในขณะที่ประเทศอื่นๆกรรมกรต่างมีรายได้ขั้นต่ำสูงกว่ากรรมกรประเทศไทยกันทั้งนั้น แล้วเกิดอะไรขึ้นทำไมไม่มีใครอยู่ฝ่ายผู้ใช้แรงงานเลย และคำตอบก็ได้รับการเฉลยว่าผู้กุมอำนาจเศรษฐกิจและกฎหมายต่างก็เป็นเครือข่ายของอำมาตย์ทั้งสิ้น

พนักงานบริษัท ผู้ประกอบการต่างก็สงสัยว่าทำไมรายได้ของตนจึงน้อยนักเทียบกับประเทศพัฒนาในกลุ่มเดียวกัน ทำไมต้องมีค่าใช้จ่ายใต้โต๊ะมากมายในการทำธุรกิจในไทย ทำไมข้าวของแพง ทำไมน้ำมันราคาแพงผิดปกติ ทำไมจึงปฏิรูปที่ดินไม่ได้ ทำไมที่ดินขาดแคลน แต่มีคนบางคนซึ่งไม่กี่คนมีเป็นหมื่นเป็นแสนไร่ ทำไมต้องมีการบุกรุกทำลายป่าแล้วนายทุนตามไปฮุบต่อ

ทำไมธุรกิจระดับชาติ หรือนักลงทุนต่างชาติหากไม่มีเส้นสาย ฝากตัว ติดต่อยอมเป็นทาสรับใช้แล้วจะไม่สามารถทำธุรกิจในไทยได้หรือหากหลงเข้ามาแล้วก็ต้องมาจ่ายภาษีพิเศษที่พูดก็ไม่ได้ ได้แต่กรอกหน้า แล้วก็จำต้องมาขึ้นราคาผลักให้ประชาชนไทยรับภาระไปแทน

จนแม้กระทั่งด่านตรวจศุลกากร ด่านตรวจตำรวจ ทำไมจึงมีมากมายเต็มประเทศไปหมด น่าประหลาดใจเสียเหลือเกินจนในที่สุดวันหนึ่งก็ทราบคำตอบโดยที่ไม่ต้องมีใครมาเฉลย และมองเห็นภาพรวมว่าต้องฝากตัวกับเส้นสายเท่านั้นจึงจะอยู่รอด ใครฝากได้เส้นที่ใหญ่กว่าก็สุขสบายกว่า ใครเกิดมาหรือเป็นสมาคมกับเส้นสายที่ใหญ่โตกว้างขวางก็กลายเป็นผู้กว้างขวางไปด้วย และสามารถทำผิดกฎหมายหรือหาประโยชน์อะไรก็ได้ตราบเท่าที่เส้นสายนั้นอนุญาตและแบ่งปันผลประโยชน์ให้อย่างเหมาะสม

โรคตาสว่างนี้เอง เร่งให้อำมาตย์ต้องเร่งปิดปากและเร่งทำลายกระบวนการประชาธิปไตยเสียก่อนที่จะสายเกินไป แต่แท้จริงแล้วเมื่อทุกอย่างเดินหน้าแล้ว คงจะยากที่จะกลับคืนไปสู่ยุคมืดอีก ดังนั้นไม่ว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะแพ้หรือจะชนะ ประชาชนได้เดินหน้าไปแล้วและไม่มีทางเหลียวหลังกลับมาดูอีก

เมื่อฝ่ายอำมาตย์ไม่สามารถหลอกล่อให้ฝ่ายประชาธิปไตยทำผิดกฎหมายด้วยความบุ่มบ่ามและถูกกำจัดเสียได้ด้วยอำนาจตามกฎหมาย จนในที่สุดความจำเป็นในการใช้อาวุธก็มาถึง เพราะไม่เห็นแนวทางอื่นอีก

แต่ทว่าการใช้อาวุธถ้าใช้วิธียึดอำนาจหรือรัฐประหารก็มาได้รับสัญญาณอย่างรุนแรงจากสหรัฐฯ มิตรประเทศหนึ่งเดียวที่จะอุ้มฝ่ายอำมาตย์เสียจากคดีปิดสนามบินนานาชาติได้ ทางเดียวที่เหลืออยู่และตีบตันยิ่งคือการเป็นผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย รักษาความสงบเรียบร้อยโดยฝ่ายทหารเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่ได้ใช้มติคณะรัฐมนตรี แต่มติคณะรัฐมนตรีไม่ใช่กฎหมายเป็นเพียงคำสั่งทางปกครอง ต้องมีตำรวจเป็นผู้ใช้อำนาจและอาจยอมตามอำนาจให้ฝ่ายทหารออกหน้า แต่ทหารก็ไม่สามารถใช้อาวุธได้อยู่ดี เพราะประชาชนจะไม่มีอาวุธสงคราม

ดังนั้นทหารจะไม่สามารถใช้อาวุธสงครามได้ ทั้งการปฏิบัติในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องทำหน้าที่เหมือนตำรวจคือใช้ได้แต่ โล่ กระบอง และอาวุธปืนสั้นหากมีการต่อสู้เท่านั้น

ดังนั้น การสร้างสถานการณ์คงจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้ ดึงเอาเสื้อเหลืองมาก่อเหตุปะทะเสื้อแดงแล้วถือโอกาสปราบเสื้อแดง โดยเสื้อเหลืองที่มีทหารปลอมมาเป็นคนทำร้าย โดยมุ่งเป้าไปที่แกนนำให้เสียชีวิตเพื่อยุติการเคลื่อนไหว

หรือ เอาทหารกลุ่มหนึ่งทำเป็นจะออกมายึดอำนาจโดยที่มีการตกลงกันไว้แล้ว ทำให้เสื้อแดงถลำออกมาปะทะด้วย แล้วทหารตัวการใหญ่ออกมารักษาความสงบ เรียบร้อยอันนี้ก็ทำให้ฝ่ายอำมาตย์ดูดี

หรือ ใช้ฝ่ายล่าสังหารมาเก็บแกนนำ แล้วทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เหมือนกับที่เคยจัดการกับลิ้มปูตินมาแล้ว หรือ ยึดทรัพย์ ยุบพรรคโดยหวังว่าเสื้อแดงจะลุกเป็นไฟ แล้วก่อเหตุวุ่นวาย เพื่ออ้างเหตุมาปราบเพื่อรักษาความสงบ

หรือ เข้าจับแกนนำดื้อๆโดยให้มีการยกเลิกการประกัน แล้วทำชุลมุนสังหารแกนนำ โดยบอกว่าต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงาน ซึ่งก็คงไม่ต่างจากกรณีเสธแดงที่ฝ่ายตำรวจมีข่าวลือกันลั่นว่า ไม่ได้เข้าไปค้นบ้านตามที่เป็นข่าว แต่กลายเป็นฝ่ายทหารจัดฉากทั้งสิ้น ซึ่งหากเป็นจริงทหารที่จัดฉากก็อาจจะโดนหลายคดี โดยตำรวจนั่นแหล ะเป็นพยานให้ในที่สุด เพราะทหารมีข้อจำกัดเรื่องความรู้ความชำนาญทางการเมืองและกฎหมายเป็นอย่างยิ่ง อยู่รอดมาได้จนทุกวันนี้ก็อาศัยบารมีเส้นสายคุ้มครองอยู่เท่านั้น ได้แต่รอเวลาถูกชำระบัญชี

ส่วนคำตอบของฝ่ายเสื้อแดงก็คงจะเป็นดังนี้

-การไม่สนใจฝ่ายเสื้อเหลือง เพราะเหลือน้อยจนนับจำนวนได้

-เสื้อแดงจะไม่รีบเข้าไปปะทะกับทหารที่แอบออกมายึดอำนาจ เพราะเสื้อแดงมีเวลาเหลือเฟือในการรอเวลาเพื่อดูให้เห็นชัดๆว่าใครเป็นคนยึดอำนาจ และไม่แน่ถ้าเป็นอย่างนี้คนยึดอำนาจอาจได้อำนาจไปจริงๆ จนคนที่วางแผนจะออกมาปราบทีหลังกลายเป็นหมดอำนาจไปจนได้ ส่วนฝ่ายเสื้อแดงก็คงนั่งบนภูดูสุนัขกัดกันตามเคย

ซึ่งแน่ละฝ่ายเสื้อแดงคงฉลาดพอที่จะคอยดูว่าใครกันแน่ที่เป็นหัวหน้าก่อการยึดอำนาจในครั้งนี้ถ้าไม่เข้าตาก็คงไม่ออกมาให้เมื่อย

-ส่วนการใช้หน่วยล่าสังหารออกมาตามฆ่าแกนนำ ถ้าเกิดเหตุจริงเป้าหมายของเสื้อแดงคงไม่ใช่ทหาร เพราะเหตุที่โหดเหี้ยม ทารุณเช่นนี้ฝ่ายเสื้อแดงทราบดีว่ามาจากใครและบ้านอยู่ที่ไหนไม่ต้องบอก

-กรณีทำเป็นเจ้าหน้าที่เข้าไปจับแกนนำแล้วแอบสังหารเสียก็จะเข้ากรณีเดียวกัน

-ส่วนการยึดทรัพย์ ยุบพรรคนั้นคนเสื้อแดงทนได้อยู่แล้วเรื่องยึดอำนาจ หรือสงกรานต์เลือดที่ร้ายแรงกว่านี้ยังทนได้ เสื้อแดงจะอดทนเพื่อให้มีจำนวนคนมากพอที่จะกวาดล้างระบอบเผด็จการอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เมื่อได้เวลาจริงจะมีเหตุการณ์หรือไม่มีเหตุการณ์ก็ไม่แปลกและก็อาจสร้างเองก็ได้โดยถือหลักว่าผู้ได้อำนาจรัฐในที่สุดคือผู้ปกครอง และเมื่อประชาชนส่วนใหญ่เป็นฝ่ายเสื้อแดงและประชาธิปไตยซึ่งเกลียดชังระบอบเผด็จการอำมาตย์และเครือข่ายเสียแล้ว มะม่วงเผด็จการก็จะปลิดลงจากขั้ว

-ในที่สุดก็คงมีแนวทางเดียวคือการสั่งปราบเอาดื้อๆ โดยอ้างเหตุลมฟ้าอากาศ โลกร้อน อาเพศ หรือมนต์ดำอะไรก็แล้วแต่ รวมถึงเหตุที่ฝ่ายเสื้อแดงหายใจเอาอากาศของฝ่ายอำมาตย์ที่เป็นเจ้าของเข้าไปก็เป็นได้



ถ้าเป็นอย่างนั้นจากข้อมูลที่ทราบกันอยู่แล้วว่าทหารจะมีประมาณไม่เกิน 99 กองร้อย หรือ 33 กองพัน หรือ 11 กรม หรือ สามกองพล เป็นอย่างสูง (โปรดสังเกตว่าการตบเท้าที่มีเร็วๆนี้ มีเพียง 11 กองพันเท่านั้นและบางกองพันทราบมาว่าจำใจมาเสียด้วย) ซึ่งหมายถึงทหารจะถูกถอนจากการรักษาหน้าที่รั้วของชาติมาเป็นรั้วของเหล่าอำมาตย์ที่โฉดชั่วแทน โดยมีการแอบอ้างว่าจะมีการล้มล้างสถาบันต่างๆสุดแท้จะจินตนาการเอาได้

แต่ถ้าวิเคราะห์อย่างดี สมมติให้ทหารมีกองร้อยละ 200 คน 100 กองร้อยโดยประมาณ ก็จะมีทหารถืออาวุธมาประมาณ 20,000 คน การจะจัดการกับทหารเหล่านี้ก็จะเป็นมวลชนที่ได้รับการฝึกแล้วในขณะนี้จนมีความชำนาญใกล้เคียงกับนักศึกษาวิชาทหารหรือรักษาดินแดน แต่ต้องมีจำนวนมากกว่า 10 เท่าคือประมาณ 200,000 คน ซึ่งต้องแยกไปดำเนินการกับแต่ละกองร้อยที่มี 200 คนนั้น

สมมติว่ามวลชนมีการจัดเป็นกองร้อย ก็จะเป็นกองร้อยละ 2,000 คนเช่นกัน โดยอาจแบ่งเป็นหมวดละ 200 คน จำนวน 10 หมวดหรือ 1 กองร้อยจึงจะพอหยุดทหารได้ แต่ต้องระวังการถูกยิงจากหน่วยที่ได้รับการล้างสมองจนเพ้อไปแล้วเช่น หน่วยจากกองพล 2 ที่แสดงบทบาทอยู่ในขณะนี้

ดังนั้นการหาที่กำบังจากรถแท็กซี่ รถบรรทุก ฯลฯ เป็นสิ่งที่ต้องคิดตั้งแต่แรก และทหารเหล่านี้จะมาทีละกองร้อยคือครั้งละ 200 คน การจะเข้าทำการกับทหารเหล่านี้ ก็ควรต้องเอาความรู้สมัยเป็นนักศึกษาวิชาทหารหรือทหารกองประจำการมาใช้ โดยใช้หลักกำลังมากกว่า 3 เท่าเป็นหน่วยในแนวหน้า อีก 3 เท่าเป็นหน่วยกองหนุน และที่เหลืออีก 4 เท่าเป็นกองหนุนทั่วไป จะเข้าทำการใดๆ ก็ใช้กำลังที่มากกว่า 3 เท่านั้นก่อนคือ 600 คน แล้วมีอีก 600 คนเป็นกองหนุนคอยคุมเชิง มีอีก 800 คนเป็นกองหนุนทั่วไปคอยทำการเมื่อจำเป็นเช่นการบดขยี้ หรือการป้องกันการโจมตีจากด้านข้าง ด้านหลัง หรือ กองร้อยอื่น ในกรณีที่มีขนาดของทหารใหญ่ขึ้นหรือลดลงหรือเป็นการประจำตามจุดต่างๆก็ให้ประยุกต์ตามแนวทางนี้

สิ่งหนึ่งที่จะต้องวางแผนไว้ตั้งแต่แรกคือ กำลังที่ใช้ดำเนินการในระยะแรกควรจะเป็นกำลังมวลชนที่มาจากกรุงเทพฯ ปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียงทำการประสานงานกันอย่างดี และมีการฝึกทบทวนบทบาทหน้าที่ต่างให้ดี เหมือนกับรักษาดินแดนหรือทหาร โดยควรมีทหารเก่ามาให้ความรู้และแต่งตั้งหัวหน้าหมวด หรือ หัวหน้ากองร้อยให้ชัดเจน ส่วนกำลังมวลชนจากต่างจังหวัดนั้นมีหน้าที่ พามวลชนจำนวนมหึมา มหาศาลเดินทางมาในอีกสองวันต่อมาเพื่อบดขยี้กำลังของฝ่ายอำมาตย์ เหมือนน้ำจากเขื่อนแตกไหลเข้าพัดพาสิ่งปลูกสร้างและบ้านเรือนทั้งหลายไหลมุดม้วนจมลงสู่อ่าวไทย

หน้าที่ของมวลชนเมื่อมามือเปล่าคือ การปิดล้อมไว้เฉยๆโดยมีเครื่องกีดขวางที่สร้างขึ้นมา ให้ทหารส่วนนั้นเหมือนถูกจับไว้และไม่สามารถใช้งานได้ หน้าที่ทหารนั้นส่วนมากจะถูกสั่งให้มาทำการยึดพวกอิฐ หิน กำแพง ปูน ได้แก่สถานที่ แต่หน้าที่ของมวลชนคือ จับและยึดตัวกำลังทหาร อาวุธ กระสุน วัตถุระเบิดของฝ่ายทหารโดยไม่ใช้ความรุนแรง ให้ใช้การเจรจาและการตัดเสบียง หน่วยทหารที่มีความคิดเป็นอิสระไม่ถูกล้างสมองน่าจะยอมปลดอาวุธอย่างรวดเร็ว ยกเว้นพวกที่ถูกล้างสมองจนเพ้อคลั่งไปแล้วเท่านั้น

แต่หากมีการใช้อาวุธจากฝ่ายทหารเข่นฆ่าประชาชน การบันทึกภาพ การส่งภาพ และการรอคอยให้เกิดรัฐบาลพลัดถิ่นคือเป้าหมายของฝ่ายประชาธิปไตย อย่าบุ่มบ่าม อย่าเร่งจังหวะตัวเอง จากนั้นไปหาจอบ หาเสียม อะไรต่างๆย่อมเป็นไปได้ทั้งสิ้น ส่วนการฌาปนกิจนั้น สมควรจะคัดเลือกแต่สมบัติของฝ่ายอำมาตย์เท่านั้นไม่ควรทำลายโครงสร้างพื้นฐานของบ้านเมืองซึ่งประชาชนทั่วไปต้องใช้ประโยชน์เพราะเมื่อเกิดการจลาจลจริงๆคนของอำมาตย์ปกติก็คงเดินทางออกนอกประเทศพร้อมกับทรัพย์สมบัติต่างๆแล้ว จนเหลือแต่ซากให้กับคนไทย ดังนั้นการทำเสียของคงไม่ใช่ผลดีอย่างแน่นอน

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าไม่ว่าฝ่ายอำมาตย์จะมีแผนการ หรือวิธีการใช้เล่ห์เหลี่ยมแบบหนังซีรีส์เกาหลีโบราณอย่างใดก็ตาม คนเสื้อแดงที่ชอบดูซีรีส์เกาหลีก็น่าจะพอมองเกมส์ออก และไม่ตกเป็นเหยื่อได้ง่ายๆเหมือนสมัยสงกรานต์ รู้จักที่จะรอจังหวะสอง หรือจังหวะสาม แล้วแต่เหตุการณ์ แต่คงไม่เข้าทำอะไรแบบไร้เดียงสาอีกแล้ว ครั้งเดียวก็เกินพอ

ในแผนการที่แยบยล เจ้าเล่ห์และเหี้ยมเกรียมนั้น ปรากฏว่ามีข้อจำกัดอยู่มาก อย่างน้อยก็จำนวนทหารที่จำกัดเปรียบเทียบกับจำนวนมวลชนธรรมดา และมวลชนที่ฝึกแล้วที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา โรคตาสว่างติดเชื้อระบาดอย่างรุนแรงไปทั่ว จนในที่สุดในระยะเวลาอันสั้นหากไม่มีการลงมือจากฝ่ายเผด็จการประชาชนก็พร้อมจะลงมือในการปลดปล่อยตัวเอง

ช่วงเวลานี้ มีรัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซียกับพรรคพวกขับมอเตอร์ไซค์ที่เรียกว่า บิ๊กไบค์ หรือมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ท่องเที่ยวไปทั่วภาคใต้ของไทย ค่ำไหนนอนนั่น ซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนความเป็นอารยะและศิวิไลซ์ของข้าราชการระดับสูงของประเทศมาเลเซีย ในขณะที่นายทหารระดับสูงของไทยมีสไนเปอร์ มีกองกำลังติดตามมากมาย ไม่แตกต่างจากคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ ไปไหนมาไหน ก็สอดส่ายสายตาล่อกแล่กดูเหมือนโจรที่มีความผิดติดตัวอย่างไรอย่างนั้น นี่คือความมืดมิดของผู้รับใช้ระบอบอำมาตย์ซึ่งแตกต่างราวฟ้ากับเหวกับประเทศที่ไม่มีระบอบอำมาตย์ครอบงำ

แต่ในที่อับจนที่สุดกลับมีความหวัง ด้วยการปรากฏว่าในขณะที่รัฐบาลไทยตามข่าวในวันแรกส่งเงินไปช่วยประเทศเฮติเป็นเงินเพียงสองหมื่นเหรียญสหรัฐ กลับปรากฏว่าคนไทยทำการบริจาคช่วยชาวเฮติเป็นเงินกว่า 160 ล้านบาท ต้องขอบคุณภาคเอกชนและหลายฝ่ายที่ได้ร่วมมือกัน รวมถึงโทรทัศน์ช่อง 3 ที่เมื่อทำอะไรเองแล้วก็ทำการได้ดีทีเดียว

นี่คือน้ำใจของคนไทย ความเป็นคนดีของคนไทย ไม่โลภ รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินเข้ากระเป๋าอยู่ข้างเดียวเหมือนอำมาตย์และบริวาร จะยึดอำนาจกันทีก็นั่งนับเงินกัน แต่ปรากฏว่าทหารในระดับกองร้อย กองพันที่ไปเสี่ยงชีวิตกลับไม่ได้เงินลับนั้นมาตั้งแต่การยึดอำนาจปี 49 แต่มีเงินหายไปจากระบบจำนวนมหาศาล แล้วใครได้ไป สิ่งนี้ทำให้ทหารบางส่วนไม่ยอมจับอาวุธเมื่อมีการสั่งในวันที่ 20 กว่าๆที่ผ่านมาถึงสองครั้ง สองครา

นี่ก็เป็นแสงสว่างในความมืดที่แท้จริง และหวังว่าโรคตาสว่าง จะทำให้ทหารเหล่านั้นเกิดความต้องการที่จะทำอะไรเพื่อตัวเองและลูกหลานของเขาอย่างถาวรบ้างในอนาคต ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง เราก็คงหลุดรอดออกมาจากปลายอุโมงค์อันยาวไกล และไปสู่แสงสว่างที่คนไทยช่วยกันถักสานมานานแสนนาน จนกลายเป็นคนไทยอย่างที่เห็น

จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
**************

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker