บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

จาก..เขายายเที่ยง ถึง...ทุกภูเขาทั่วไทย

ที่มา ไทยรัฐ

แม้กรณีอื้อฉาว "ที่ดินเขายายเที่ยง" จะไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือข่าวใหม่อะไรนักหนา เพราะแท้ที่จริงแล้วเป็นเรื่องเก่า ข่าวเก่าที่เราได้ยินมานานแล้วว่า คนมีเงินจำนวนหนึ่งเข้าไปบุกรุกที่ป่าสาธารณะ และใช้วิธีที่ไม่ชอบมาพากลดำเนินการให้เป็นที่ของตนเอง

แต่อย่างน้อยกรณีที่เกิดขึ้นครั้งนี้ก็ทำให้เราเห็นภาพที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น แม้จะเป็นเพียงรูปธรรมลางๆ คือ รู้เพียงตัวเลขหรือจำนวนเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นรู้แน่ชัดว่าใครเป็นใคร นอกจากบุคคลที่ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว

ท่านรองอธิบดีกรมป่าไม้ท่านบอกกับผู้สื่อข่าวว่า เฉพาะที่เขายายเที่ยงแห่งเดียว น่าจะมีกรณีที่เป็นปัญหาคล้ายๆกรณีของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ รวม 237 ราย

เพราะได้เคยมีการจัดสรรพื้นที่ให้ชาวบ้านในแถบนี้เป็นที่ทำกินและปลูกที่อยู่อาศัยไปทั้งสิ้น 1,020 ไร่ โดยมีจำนวนชาวบ้านที่สมควรได้รับ 237 ราย ตามตัวเลขดังกล่าว

ซึ่งปรากฏผลจากการสำรวจพบว่า ที่ดินทุกแปลงถูกเปลี่ยนมือไปจนหมดสิ้น บางแห่งบางที่เปลี่ยนไปหลายๆมือด้วยซํ้า และผู้ที่มาครอบครองล่าสุดก็มีทั้งนายทุน นายหน้าผู้มีอิทธิพล และข้าราชการเกษียณอายุ ฯลฯ

มีการนำไปสร้างบ้านพักหะรูหะรา สร้างรีสอร์ตสำหรับให้เช่าพัก ผิดวัตถุประสงค์ที่มติคณะรัฐมนตรีเคยให้ไว้เมื่อปี 2518 โดยสิ้นเชิง

กรมป่าไม้ให้ตัวเลขต่อไปว่า ทั้งประเทศน่าจะมีผู้ถือครองที่ดินอย่างไม่ถูกต้องในลักษณะเดียวกันนี้ ไม่ต่ำกว่า 4 แสน 5 หมื่นราย

และหากรวมพื้นที่เคยให้เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินอีก 4 แสนกว่าราย ก็จะมีจำนวนถึง 8-9 แสนราย

จากจำนวนเฉียดๆ 1 ล้านรายที่ว่านี้ จะมีเหลืออีกสักกี่แสนรายไม่ทราบได้ที่ยังเป็นเกษตรกรคนเก่า หรือทายาทตามที่กฎหมายให้โอกาส

ผมไม่อยากใช้เปอร์เซ็นต์ของเขายายเที่ยงที่สูงถึง 100 เปอร์เซ็นต์ คือ เปลี่ยนมืออย่างเรียบวุธทุกๆเจ้า...มาเป็นเปอร์เซ็นต์ใช้วัดของทั้งประเทศ

เพราะมันอาจจะมีพื้นที่ที่ไม่ค่อยสวย ไม่อยู่ใกล้ภูเขา ไม่อยู่ใกล้นํ้าตก ไม่อยู่ใกล้อ่างเก็บนํ้า เอาไปทำอะไรอื่นๆไม่ได้ จึงไม่ค่อยมีราคาและไม่ค่อยมีใครอยากได้รวมอยู่ด้วย

ผมก็เลยลองสมมติแบบหลวมๆ เอาตัวเลขเพียงแค่ 25 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น...ซึ่งถ้าคิดจากเฉียด 1 ล้านราย ก็จะตกประมาณ 200,000 กว่าราย

นี่คือตัวเลขอย่างหยาบที่สุดของการครอบครองที่ดินที่ไม่ถูกต้องทั่วประเทศ

เท่าที่ตรวจสอบกระแสในขณะนี้ ดูเหมือนว่าเสียงเรียกร้องให้กรมป่าไม้ ยึดคืน หรือลงมือจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งจะดังขึ้นทุกขณะ

เห็นทีกรมป่าไม้จะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้เสียแล้ว

โดยหลักการผมเห็นด้วยกับข้อเรียกร้อง หรือกระแสในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะพื้นที่ดินทั้งหมดที่จัดให้แก่บุคคลต่างๆไปเฉียดๆล้านรายที่ว่านั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นสมบัติของคนไทยทุกคน

การที่จะตกไปเป็นของคนใดคนหนึ่ง จะต้องมีเหตุผลรองรับที่ชอบธรรม หรือพอที่คนไทยทั่วไปจะยอมรับได้

ผมเห็นว่าตามมติคณะรัฐมนตรีเก่าๆ หรือกฎหมายเก่าๆที่ยกสิทธิให้เกษตรกรผู้ยากจนใช้เป็นที่ทำมาหากิน หรือเป็นที่อยู่อาศัยและห้ามซื้อขายนั้น...เป็นเหตุผลที่พอยอมรับได้

แต่เมื่อคนยากจนกลับนำไปขายต่อ จะโดยอาศัยช่องว่างของกฎหมาย หรือกฎกติกาข้อใดก็ตาม ผมถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดเจตนารมณ์ ซึ่งสังคมไทยไม่ควรยินยอม

ถ้าที่ดินเหล่านี้ไม่อยู่ในมือผู้ยากจนอีกต่อไปแล้ว ก็ควรจะดึงกลับมาอยู่ในมือของรัฐที่คนไทยทุกคนมีส่วนเป็นเจ้าของ...ไม่ใช่ไปอยู่ในมือของใครก็ไม่รู้ ดังตัวอย่างที่เขายายเที่ยง

ควรจะยึดกลับมาเป็นที่หลวงแบบที่ราชพัสดุ หรืออะไรทำนองนั้นให้หมด แต่กรณีนี้อาจให้กรมป่าไม้หรือกรมไหนก็ได้ที่เกี่ยวข้องมากที่สุดเป็นเจ้าของดูแลแทนคนไทย

ต้องเริ่มคิดเริ่มเตรียมการได้ตั้งแต่บัดนี้แล้วครับ...เพราะคงไม่ถูกต้อง และไม่ชอบธรรมอย่างแน่นอน หากจะปล่อยให้ผู้คน 2 แสนคน (ตามตัวเลขที่ผมประเมินอย่างหลวมๆ) เอาเปรียบคนไทยทั้งประเทศโดยไม่มีการจัดการอย่างใดอย่างหนึ่ง

ที่สำคัญควรเรียกกรรมสิทธิ์กลับคืนมาเป็นของรัฐเสียก่อน ส่วนจะเอาพื้นที่ไปทำประโยชน์อะไร? และอย่างไร? ค่อยมาช่วยๆกันคิดอีกทีก็แล้วกัน.

"ซูม"

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker