คอลัมน์ เหล็กใน
 |
วันนี้ข่าวปฏิวัติลือหึ่ง โชยกลิ่นขึ้นมาอีก !!
อย่างน้อยๆ ก็จากปากระดับทักษิณ ชินวัตร กับ สุเทพ เทือกสุบรรณ
ก่อนก.ย. 2549 ผู้คนจำนวนมากไม่เชื่อว่าจะมีปฏิวัติรัฐประหาร
เพราะประเทศไปไกลเกินกว่าถอยหลังกลับขนาดนั้น
รสช. ปี 2534 ควรเป็นครั้งสุดท้าย และเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ
แต่สุดท้ายก็เกิดคมช.จนได้ ?
ประเทศถอยหลังลงคลองขนาดไหน รัฐบาลขิงแก่โดยเฉพาะนายกฯสุรยุทธ์รู้ดี ??
ประเทศล้มละลาย เศรษฐกิจ สังคม การเมืองพังพินาศ
นานาอารยประเทศ ไม่คบค้าสมาคม ไม่ต้อนรับขับสู้
ภายในขัดแย้งแตกแยกรุนแรงชนิดไม่เคยมีมาก่อน
ประชาธิปไตยที่ฟูมฟักรักษามาหลายปี กำลังเติบ โตเบ่งบาน ต้องตายอนาถ
ผ่านมากว่า 3 ปีบาดแผลยังเรื้อรังลุกลาม
ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองตั้งแต่ปี 2475
แต่ไม่เคยเป็นประชาธิปไตยจริงๆ แท้ๆ
เผด็จการสลับประชาธิปไตยครึ่งเสี้ยว ครึ่งใบมาตลอด
กระทั่ง "ป๋าเปรม" ประกาศ "ผมพอแล้ว" เมื่อปี 2531
ประเทศมีความหวังเข้าสู่ยุคประชาธิปไตยเต็มใบ
นายกฯมาจากเลือกตั้ง บริหารราชการโดยไม่ต้องมีกองทัพค้ำบัลลังก์
แค่ 3 ปี ประชาธิปไตยเต็มใบครั้งแรกก็ตายอนาถ
พ.ค. 2535 ประชาชนต้องออกมาทวงคืนประชา ธิปไตยด้วยชีวิตเต็มถนนราชดำเนิน
ผ่านไปแล้ว 18 ปี คราบน้ำตายังไม่เหือดหาย
จากรสช. 2534 ถึงคมช. 2549 ตอกย้ำปฏิวัติแบบไทยๆ
ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายแก้วิกฤตชาติบ้านเมือง ??
เหตุผล เพื่อปกป้องสถาบัน กำจัดนักการเมืองไม่ดี หรือรักษาระบอบประชาธิปไตย เป็นเพียงข้ออ้างเลิศๆ หรูๆ
เพราะไม่ว่า รัฐประหาร 2490 หรือปฏิวัติสมัยสฤษดิ์ ถนอม ประภาส สงัด เกรียงศักดิ์
รวมทั้งรสช. คมช.ล่าสุด
ล้วนกระทำเพื่อ แย่งชิงอำนาจ รักษาอำนาจ กระ ชับอำนาจ
19 ก.ย. ผ่านไปกว่า 3 ปี วันนี้ตัวพ่อ ตัวแม่ ตัวประกอบยังอยู่พร้อมหน้า
ถ้าจะมีปฏิวัติอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้
ถ้าจะหาเหตุผล หรือไม่รู้จะโทษใคร ก็ลงที่คมช.นี่แหละ
หน่อมแน้มไปหน่อย !?
