บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

อาเพศเมืองไทย 10 ประการ

ที่มา ไทยรัฐ

ผมเขียนไปวันก่อนว่า ปัญหาของบ้านเมืองทุกวันนี้ เกิดจากคนเพียงหยิบมือเดียว คือ นักการเมืองไม่ถึง 1,000 คน ใน รัฐสภา และ รัฐบาล ที่กุมอำนาจประเทศไทยในนามคนไทย 64 ล้านคน เรื่อง แก้รัฐธรรมนูญ ก็เหมือนกัน เป็นความต้องการของนักการเมืองแค่ 100 กว่าคน ที่ต้องการ แก้ไขเขตเลือกตั้ง เพื่อเปิดช่องให้มีการ "ซื้อเสียง" ง่ายขึ้น

ก็มีท่านผู้อ่านกรุณาส่งข่าวคำบรรยายของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เรื่อง ยุทธศาสตร์กู้ชาติและเข็มทิศใหม่เพื่อผ่าทางตันการเมืองไทย ซึ่งท่านไปพูดที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เมื่อเดือนเมษายนปี 2551 โน้นมาให้ผม

อ่านแล้วก็อยากกราบเรียน พล.อ.ชวลิต ไว้ตรงนี้ว่า อย่าไปคลุกคลีกับการเมืองที่สกปรกอีกเลย ออกมาเป็น "วิทยากร" ให้ความรู้เรื่องประชาธิปไตยแก่ประชาชนให้แตกฉานจะดีกว่า จะเป็นคุณูปการต่อประเทศชาติ คุณูปการต่อระบอบประชาธิปไตย ดีกว่าเข้าไปคลุกวงในช่วย "ประชาธิปไตย เผด็จการ" หลอกลวงคนไทยทั้งประเทศอยู่อย่างนี้

ผมอ่านแล้วก็นำมาบอกต่อ เพื่อให้คนไทยอ่านแล้วนำไปคิด เพราะสิ่งที่ พล.อ.ชวลิต พูดเตือนสติเมื่อปี 51 มันคือความจริงทางการเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่กลับถลำลึกลงไปจนถอนตัวไม่ขึ้น

พล.อ.ชวลิตบอกว่า ประเทศไทยนับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง จนถึงปัจจุบัน เราขาดผู้นำทางความคิดที่ถูกต้อง จึงเกิดปรากฏการณ์ ทางการเมืองที่วิปริตผิดเพศ ที่เรียกว่า "อาเพศประเทศไทย 10 ประการ" ซึ่ง พล.อ.ชวลิตได้ชำแหละมาตีแผ่อย่างถึงแก่น ดังนี้

1. การเมืองปัจจุบัน เป็นการเมืองเรื่องตัณหา ไม่ใช่การเมืองเรื่องคุณธรรม

2. พรรคการเมือง ทำเป็นแต่การหาเสียงเลือกตั้ง แต่จัดตั้งประชาธิปไตยไม่เป็น

3. ส.ส. เป็นได้แต่ผู้แทนผลประโยชน์ของปัจเจกชน แต่เป็นผู้แทนประโยชน์ ของปวงชนไม่ได้

4. ทหาร ทำเป็นแต่รัฐประหาร แต่ทำการปฏิวัติไม่เป็น

5. นักเคลื่อนไหว ทำเป็นแต่ม็อบ แต่ทำแมสไม่เป็น

6. นักวิชาการ คิดเป็นแต่รัฐธรรมนูญ แต่คิดประชาธิปไตยไม่เป็น

7. ผู้นำ นำเป็นแต่ม็อบและองค์กร แต่นำทางการเมือง นำความคิดทางจิตวิญญาณไม่เป็น

8. รัฐบาล สร้างเป็นแต่รัฐธรรมนูญ แต่สร้างประชาธิปไตยไม่เป็น

9. สื่อมวลชน สะท้อนได้แต่ปรากฏการณ์ แต่สะท้อนธาตุแท้ไม่เป็น

10. รัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่เป็นนโยบาย แต่ไม่ทำหน้าที่เป็นกฎหมาย

พล.อ.ชวลิตกล่าวอีกว่า การเมืองในปัจจุบัน มีหลักการปกครองเป็นเผด็จการ แต่มีรูปแบบเป็นประชาธิปไตย เพราะอำนาจอธิปไตย อยู่ในมือของคนส่วนน้อย แต่มีรูปแบบรัฐสภา พรรคการเมืองไทยยังไม่มีความเป็นพรรคการเมืองที่แท้จริง แต่เป็นของปัจเจกชนคนใดคนหนึ่ง ไม่สามารถสร้างสถาบันที่ดีได้ ตรงกันข้าม กลับกระชับอำนาจเผด็จการมากขึ้น

ผมเห็นด้วยกับ พล.อ.ชวลิต คำบรรยายเมื่อสองปีก่อน เป็นความจริงทั้งหมด ประชาธิปไตยไทยจึงเดินไปสู่ความเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ

เพราะประชาธิปไตยที่มีอยู่ ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง ไส้ในเป็นเผด็จการ พรรคการเมืองที่มีอยู่ ก็ไม่ใช่พรรคการเมืองที่แท้จริง ไส้ในเป็นพรรคส่วนตัว มีเจ้าของพรรค ส.ส.ในสังกัดพรรคเป็นแค่ลูกน้อง ต้องคอยฟังคำสั่งนาย บางพรรคก็มีภารกิจเฉพาะ ไม่ใช่เพื่อชาติและประชาชน

ที่เป็น รูปแบบประชาธิปไตย ก็มีแค่ การเลือกตั้ง และ รัฐสภา เท่านั้น ถ้ามีการแก้รัฐธรรมนูญให้ซื้อเสียงได้ง่ายขึ้นอีก ก็จะเพิ่มเผด็จการเลวร้ายขึ้นไปอีก

ผมขอฝากให้ไปคิดกันเพิ่มเติมว่า รัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นกระบวนการนำไปสู่การเป็นประชาธิปไตย สิ่งสำคัญระหว่างทางก็คือ คนไทยทุกคน จะต้อง เรียนรู้ประชาธิปไตยให้เข้าใจ และ รู้ทันนักการ เมือง ไม่ให้ถูกหลอกไปเป็นเครื่องมือของคนไม่ถึงพันคน ใช้ซื้ออำนาจปกครองประเทศอีก เพื่อหนีให้พ้นจาก "วงจรอุบาทว์" นี้ให้ได้ในอนาคต.

"ลม เปลี่ยนทิศ"

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker