ชวน - อภิสิทธิ์
"รู้ไต๋พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายว่า ย่อมเสียดายกระทรวงใหญ่ที่พวกเขาได้มาโดยเงื่อนไขพิเศษ หากมีการเลือกตั้งใหม่ ย่อมไม่ง่ายที่จะได้กระทรวงสำคัญๆเช่นนี้อีก
พรรคประชาธิปัตย์จึงเลือกดำรงความได้เปรียบในการเลือกตั้งเหนือพรรคเล็กต่อไป ด้วยการไม่แก้รัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของพรรคร่วมรัฐบาล โดยไม่กลัวว่าพรรคร่วมจะตีรวนจนถึงขั้นต้องยุบสภา"
ตอกลิ่ม เย้ย ดักคอ หมิ่นศักดิ์ศรีกันซึ่งๆหน้า
ก็ไม่แน่ใจว่าสุดท้ายแล้วจะจบอย่างที่ "เดอะอ๋อย" นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกมาเย้ยแกมบลัฟหรือไม่
แต่โดยอาการเฮี้ยวไม่เลิกของ "เสี่ยตือ" นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาย้ำกันเป็นรอบที่สองแล้วว่า ตอนนี้เป็นเวลานับถอยหลังรัฐบาลแล้ว
นักการเมืองทุกคนต้องเตรียมตัวแล้วสำหรับการเลือกตั้งใหม่
ในอารมณ์ของ "เสี่ยตือ" ในฐานะศิษย์ก้นกุฏิ ก็คงถ่ายทอดโดยตรงมาจาก "บิ๊กเติ้ง" นายบรรหาร ศิลปอาชา บอสใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะหัวขบวน ถือธงนำแก้รัฐธรรมนูญ
"บิ๊กเติ้ง" ไฟเขียวป่วนเต็มที่
และโดยการนี้ "เสี่ยตือ" ก็คงหนีไม่พ้นตกเป็นเป้าถล่มของหน่วยตีปี๊บของประชาธิปัตย์ ยัดข้อหา "ตัวก่อการร้าย"
เพราะตามสคริปต์ที่ประชาธิปัตย์เขียนกันไว้ให้ "อภิสิทธิ์" เล่นบทพระเอก ในจังหวะขวางแก้รัฐธรรมนูญเพราะยึดศรัทธาประชาชนเป็นหลัก
"อภิสิทธิ์" ฟอร์มหรูตามเคย
โดยมีปรมาจารย์ยี่ห้อ "ชวน หลีกภัย" กับจอมยุทธ์อย่าง "บัญญัติ บรรทัดฐาน" ถ่ายทอดวิชา "ตัวเบา" ขั้นเทพ ลอยตัวตีกินกระแส
จบข่าวที่ประชาธิปัตย์ขวางแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ยอมกลับไปเลือกตั้งเขตเดียวเบอร์เดียวตามความต้องการของพรรคร่วมรัฐบาลที่ทำเพื่อตัวเองมากกว่าประโยชน์ของประชาชน
ทั้งๆที่ว่ากันตามคอนเซปต์ประชาธิปไตย กับ 3 หลักใหญ่ เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ
หนึ่งเสียงของประชาชนต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน
ไม่ใช่บางเขตประชาชนคนเดียวเลือกผู้แทนฯได้ 3 คน แต่บางเขตเลือกผู้แทนฯได้แค่ 2 คน หรือบางเขตก็เลือก ส.ส.ได้แค่คนเดียว
เทียบกันตามอัตราส่วนตัวเลข มันเหลื่อมล้ำกันเห็นๆ
เลือกตั้งเขตใหญ่กับเขตเดียวเบอร์เดียวแบบไหนเข้าคอนเซปต์ประชาธิปไตยมากกว่า
ส่วนที่ยี่ห้อ "ชวน หลีกภัย" เปิดแผ่นเสียงตกร่องอ้างกันว่า เขตใหญ่ ซื้อเสียงยาก ถือเป็นการป้องกันโคตรโกง โกงทั้งโคตร ฮึดฮัดขวางระบอบ "ทักษิณ"
หลักการหรู โฆษณา "ชวนเชื่อ" ให้ "เชื่อชวน"
แต่ในสถานการณ์เลือกตั้งจริง ณ วันนี้ ที่นายชวนเองอาจชินอยู่กับพื้นที่ตีกินในถิ่นปักษ์ใต้ แต่ไม่เคยไปสัมผัสสมรภูมิปราบเซียนภาคอีสานกับภาคเหนือ รวมไปถึงภาคกลางและภาคตะวันออก
เขตเล็กซัดกันตัวต่อตัว มวยรู้ทางกัน ผู้สมัครที่เป็นคู่แข่งจะรู้ว่าฐานเสียงของอีกฝ่ายอยู่ตรงไหน ก็จะจัดทีมไปบล็อกไม่ให้อีกฝ่ายยิงกระสุนได้
จ้องเก็บหลักฐานฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
เขตเล็ก "หมาหอน" ไม่ออก ตรงกันข้ามกับเขตเลือกตั้งใหญ่ พื้นที่กว้าง เฝ้าระวังยาก ไม่รู้ว่าคู่แข่งจะไปทิ้งบอมบ์ตรงจุดไหน
ประเมินกันง่ายๆตามตรรกะ
สรุปว่า มันก็แค่ข้ออ้างเพื่อเข้าทางตัวเอง โดยความจำเป็นก็อย่างที่รู้กันอยู่แก่ใจ ส.ส.พวกนกแล หมาหลงของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้มาเพราะโหนกระแสพวงใหญ่
ถ้ากลับไปสู้ตัวต่อตัวแบบเขตเดียวเบอร์เดียว มีหวังสอบตก เป็นปุ๋ย
ไม่พูดถึงจุดบอดประชาธิปัตย์ที่ภาคอีสานกับภาคเหนือ แต่พื้นที่เสียวก็คือกรุงเทพฯ เขตรอบนอกแพ้ยี่ห้อเพื่อไทย ขณะที่เขตรอบในยังโดนพันธมิตรฯในคราบพรรคการเมืองใหม่แย่งแต้มในเมือง
แม้แต่ในถิ่นปักษ์ใต้ จังหวัดใหญ่อย่างสุราษฎร์ธานี สงขลา สถานการณ์ ล่าสุดก็โดนพรรคการเมืองใหม่ของม็อบพันธมิตรฯทับสัมปทาน แย่งฐานเสียงไป
ถ้าลุยแบบเขตเดียวเบอร์เดียวมีหวังโดนเจาะพรุน
เหนืออื่นใด โดยผลของคิวขวางแก้รัฐธรรมนูญ ลึกๆเลยก็คือเกม "หักดิบ" กันเองในพรรคประชาธิปัตย์ ที่ขาใหญ่อย่าง "ชวน-บัญญัติ" แท็กทีมขย่ม "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ผู้จัดการใหญ่รัฐบาล
ฐานชอบคบเพื่อนนอกพรรคข่มเด็กเส้นในบ้าน.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน