ม.รังสิต สัมมนาแนวทางการปฏิรูปประเทศไทย หมอประเวศชี้ประเทศไทยวิกฤตเพราะสะสมความไม่ถูกต้อง “สุรพล นิติไกรพจน์” ชี้คดีเหลืองแดงไม่มีสองมาตรฐาน มีแต่ฟ้องช้าหรือฟ้องเร็ว แขวะพวกไม่ยอมรับการรัฐประหารต้องไม่ยอมรับ รธน.40 ด้วยเพราะมีที่มาจาก รสช. ยึดอำนาจน้าชาติ
วานนี้ (25 ม.ค.) ที่มหาวิทยาลัยรังสิต มีการสัมมนาเรื่อง “แนวทางการปฏิรูปประเทศไทย” เนื่องในโอกาสวันสถาปนามหาวิทยาลัยรังสิตครบรอบ 25 ปี วิทยากรประกอบด้วย ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยรังสิต ศ.นพ.ประเวศ วะสี กรรมการสภา ม.รังสิต ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ และ รศ.วิทยากร เชียงกูล คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต ผู้เขียนหนังสือ “ฉันจึงมาหาความหมาย” อันโด่งดัง ดำเนินรายการโดย ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต
หมอประเวศชี้ประเทศไทยวิกฤตเพราะสะสมความไม่ถูกต้อง
ศ.นพ.ประเวศ กล่าวว่า ประเทศไทยวิกฤติสุดๆ ทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง การศึกษา เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม บรรจบกันยากที่จะออกจากวิกฤต เพราะสังคมไทยสะสมความไม่ถูกต้องเข้าด้วยกัน ขณะที่ความถูกต้องทุกจุดเป็นเรื่องสำคัญ เหมือนร่างกายของเราทุกส่วนต้องมี ความถูกต้อง ถ้าดีเอ็นเอผิดตัวเดียว ก็รวนทั้งระบบ
ดังนั้นการอยู่ร่วมกัน เราต้องมีความถูกต้องทุกเรื่อง ส่วนการเปลี่ยนแปลงก็คือการปฏิรูปให้สังคมมีธรรมาธิปไตย ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหญ่และไปไกลกว่าประชาธิปไตย เพราะบางทีประชาธิปไตยเป็นเพียงกลไกการเลือกตั้งเท่านั้น แต่การปฏิรูปต้องเชื่อมโยงกันทุกเรื่อง
เสนอ 10 มาตรการแก้วิกฤต
ตนจึงมีข้อเสนอจากการระดมความคิดมา 10 เรื่อง ได้แก่ 1.ปฏิรูปจิตสำนึกใหม่ ให้ใจกว้าง มีจิตสาธารณะ 2.สร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่ ไม่เบียดเบียนผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม ไม่ได้มุ่งสร้างแต่จีดีพี 3.สร้างความเข้มแข็งของชุมชมท้องถิ่นซึ่งเป็นฐานของพระเจดีย์ของสังคม 4.สร้างระบบการศึกษาที่แก้ไขความทุกข์ยาก เพราะเรามีแนวคิดการศึกษาที่ผิดมากว่า 100 ปี ไม่ได้เอาชีวิตและการอยู่ร่วมกันเป็นตัวตั้งจึงนำไปสู่วิกฤติเสมอ 5.สร้างธรรมาภิบาลการเมือง โดยตั้งกรรมการปฏิรูปกฎหมายเพื่อคนจน เพราะปัจจุบันกฎหมายมีอคติกับคนจน
6.สร้างสวัสดิการสังคมที่ก้าวหน้า 7.สร้างความสมดุลของสิ่งแวดล้อม และพลังงาน 8.สร้างระบบสุขภาพ เพื่อสุขภาวะของคน ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงเรื่องของหมอกับยา แต่เชื่อมโยงกับทุกเรื่อง 9.สร้างสมรรถนะในการวิจัยยุทธศาสตร์ชาติ เพราะการเปลี่ยนแปลงในโลกเกิดขึ้นเร็ว และเรื่องนี้ตนเคยคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงคุยเรื่องนวัตกรรมสังคม ตั้งแต่สมัยที่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ ในปีแรกๆ แต่เรื่องที่เคยคุยกันก็ยังไม่เกิดขึ้น และ10.การสื่อสารต้องผสานการสร้างสรรค์ทั้งหมด ซึ่งเรามีเครื่องมือเยอะมากต่อยุทธศาสตร์ที่จะทำให้คนไทยรู้ความจริง และยังไม่มีรัฐบาลใดทำได้สำเร็จ
ต้องแก้ไขให้สังคมเป็นใหญ่กว่ารัฐและทุน เผยเคยปรึกษากับมาร์คเรื่องนี้
ศ.นพ.ประเวศ เสนอว่า การแก้ปัญหา ต้องแก้จากเดิมที่อำนาจในสังคมไปอยู่ที่รัฏฐานุภาพ (อำนาจรัฐ) และธนานุภาพ (อำนาจเงิน) ขณะที่อำนาจของสังคมนานุภาพ (สังคม) มีขนาดเล็กมาก ตนจึงขอเสนอให้เปลี่ยนจากการใช้อำนาจ อาวุธ (รัฐ) และเงิน มาเป็นการใช้อำนาจของสังคม ที่สามารถตรวจสอบได้ ร่วมกันคิด ร่วมกันทำในทุกองค์กร ทุกเรื่อง เปลี่ยนจากสังคมแนวดิ่ง มาเป็นสังคมแนวราบ สร้างปัจจัยโดยไม่ใช่แค่อำนาจเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตนเคยคุยกัน พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องยุทธศาสตร์สังคมนานุภาพ ตั้งแต่สมัยเป็นนายกฯ ปีแรก แต่ขณะนี้ก็ยังไม่เกิด ทั้งนี้ ตนได้คุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าน่าจะมีกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมสังคม
วิทยากร เชียงกูลชี้เสื้อแดงประท้วง พล.อ.สุรยุทธ์ รายเดียวไม่ถูกต้อง
ด้าน รศ.วิทยากร กล่าวว่า การปฏิรูปประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงระบบราชการที่ใหญ่โตเทอะทะ ไร้ประสิทธิภาพ ส่วนข้อดีที่มีอยู่แล้วคือ ประเทศไทยโชคดีที่มีความสมบูรณ์เรื่องอาหาร แต่ในขณะเดียวกันก็มีการจัดการที่ไม่ดีพอ ทำให้ยังมีเด็กที่ยังขาดสารอาหาร ดังนั้น หากใครที่เที่ยวไปโม้ว่าไทยจะเป็นครัวของโลกก็ขอให้คำนึงถึงระบบการจัดการที่ดีด้วย
นายวิทยากร กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงไปประท้วงเรื่องที่ดินเขายายเที่ยงของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีและองคมนตรี ว่า ที่กลุ่มดังกล่าวไปเล่นงานพล.อ.สุรยุทธ์ คนเดียวก็ไม่ถูกต้อง เพราะนักการเมืองฝ่ายเสื้อแดงที่ทำผิดมากกว่านี้เกี่ยวกับเรื่องบุกรุกที่ดินก็มีเยอะ แต่กลับไม่ถูกเล่นงาน ปัญหาสำคัญที่เป็นต้นเหตุคือวัฒนธรรมศักดินาเจ้าขุนมูลนาย ยกย่องคนที่อำนาจ ทำให้มีการซื้อเสียง ขายเสียง โดยใช้เงินและความเป็นเครือญาติระบบอุปถัมภ์ รวมทั้ง การศึกษาถูกใช้เป็นเครื่องมือของคนชั้นสูง สิ่งที่ต้องปฏิรูปและต้องเปลี่ยน เช่น การเลือกตั้ง ส่วนวิธีระยะยาว ต้องให้การศึกษาประชาชนในฐานะพลเมือง มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องภาษี เพราะถ้าประชาชนเข้าใจก็ไม่ต้องเกรงใจหนี้บุญคุณรัฐบาล
สุรพลเสนอโจทย์ทำอย่างไรไม่ให้ไทยซ้ำรอยเลบานอน
ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ไม่ต้องไปพูดถึงแนวทางปฏิรูปประเทศไทยของ ศ.นายแพทย์ประเวศ วะสี ไม่ต้องไปพูดถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง เพราะขนาดกองบัญชาการกองทัพบก ยังโดนยิงด้วยระเบิดเอ็ม 79 ผมถามว่าประเทศไทยยังมีอะไรเหลืออยู่
เพราะฉะนั้น ประเด็นหลักคือเราจะรักษาประเทศนี้ให้ดีได้อย่างไร และเมื่อรักษาให้มีประเทศไทยแล้วค่อยเชิญอาจารย์ประเวศ ไปพบนายกรัฐมนตรี เพื่อดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง
ผมมีความเป็นห่วงว่าในช่วงปีหรือสองปีมานี้ ประเทศไทยจะกลายเป็นเลบานอน หรือไม่ จะมีสงครามกลางเมืองหรือไม่ ดังนั้น ผมจึงขอเปลี่ยนโจทย์ใหม่ว่าทำอย่างไรจะรักษาประเทศไทย แทนที่ทำอย่างไรจะปฏิรูปประเทศไทย ป้องกันไม่ให้ประเทศไทยของบเรากลายเป็นเลบานอน โดยเฉพาะประเด็นเร่งด่วนที่สุดคือ การมีกติกา ที่สามารถบังคับได้
ยุบพรรคไม่มี 2 มาตรฐาน เจตนารมณ์ผู้ร่าง รธน.50 เน้นใช้ยาแรง
ผมยกตัวอย่างการเรียกร้องที่เกิดขึ้นในเวลานี้ที่พูดถึงแต่เรื่อง 2 มาตรฐาน อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เขียนบทความโดยใช้ชื่อ นายเข้ม เย็นยิ่ง เรียกร้องในช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองปี พ.ศ.2516 ท่านเรียกร้องกติกาหมู่บ้าน เพื่อให้คนในหมู่บ้านยอมรับกติกาการอยู่ร่วมกัน
สำหรับเรื่อง 2 มาตรฐานนั้น ผมจำเป็นต้องอธิบาย ตอนนี้เกิดความคับข้องใจของคนจำนวนไม่น้อย บอกว่า รัฐธรรมนูญ 2550 เป็นเผด็จการ เพราะมาจากการทำรัฐประหาร แล้วก็มีคนเรียกร้องว่า ทำไมยุบไปแล้ว 3 พรรค 4 พรรค แต่ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ผมบอกอย่างนี้ครับว่า พรรคประชาธิปัตย์ที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ได้ทุจริตเลือกตั้ง ไม่มีกรรมการบริหารพรรคไปทุจริต ซื้อเสียง แต่ที่ร้องเรียนเรื่องทุจริตการเป็นการใช้เงินจาก กกต.ผิดประเภท ซึ่งนั่นก็เกิดขึ้นก่อนจะมีรัฐธรรมนูญ 2550 ประกาศใช้ เกิดตั้งแต่คุณประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็นเลขาธิการพรรค
เพราะฉะนั้น เมื่อมี ส.ส.ร. ผมจำได้ อาจารย์จรัญ ภักดีธนากุล ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ประกาศไว้ก่อนเลยว่าในเมื่อการทุจริตเลือกตั้ง คือตัวการทำให้การเมืองไม่พัฒนา ต่อไปก็จะใช้ยาแรง คือเรื่องที่กรรมการบริหารพรรคไปทำผิดหรือมีส่วนรู้เห็นกับการซื้อสิทธิ ขายเสียง จะต้องยุบพรรคการเมือง นั้น คือ เขาบอกก่อนแล้วทุกพรรคการเมืองที่โดนยุบ รวมถึงกรรมการบริหารพรรคต่างก็กติกานั้นเป็นอย่างดี จึงยอมเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง เดือนธันวาคม 2550 เพราะฉะนั้น จึงบอกไม่ได้ว่า เรื่องยุบพรรคตามรัฐธรรมนูญ มี 2 มาตรฐาน
หรือเรื่องนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ทำกับข้าว ต้องพ้นจากตำแหน่งได้ เป็นการจ้องหาเรื่องกันนี่ โดยส่วนตัวผมยอมรับว่าเซอร์ไพรส์ ผมคิดว่า นายสมัคร "รับจ้าง" ไม่ใช่ "ลูกจ้าง" แต่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตีความอย่างเคร่งครัด โดยแวดวงกฎหมายกำลังรอดู ว่าจะมีคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะตัดสิน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะตัดสินอย่างไร ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นกรณีอื่นๆ หรือแม้แต่กรณีของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องตัดสินอย่างเดิม ตรงนี้ผมกำลังรอคำวินิจฉัยคดีที่สอง แต่ขณะนี้ยังเป็นมาตรฐานเดียว คือมาตรฐานอย่างเข้ม ในส่วนของนายสมัคร ยังไม่มีคดีอื่นให้เปรียบเทียบ ซึ่งผมกำลังรอดูคำตัดสินคดีอื่นอยู่เช่นกัน
คดีเหลืองแดงไม่มีสองมาตรฐาน เป็นเรื่องอัยการฟ้องช้าหรือฟ้องเร็ว
ในเรื่องการชุมนุมทางการเมืองก็เช่นกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องปิดสนามบิน หรือปิดถนนในกรุงเทพฯ อัยการไม่มีทางสั่งเป็นอย่างอื่นได้ คืออัยการต้องสั่งฟ้องทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง แล้วให้คนเหล่านั้นไปต่อสู้คดีกันในศาล ซึ่งผมว่าเป็นทางเดียวเท่านั้น ดังนั้น เรื่องนี้ก็ไม่มีสองมาตรฐานขึ้นอยู่กับว่าอัยการจะสั่งฟ้องช้าหรือเร็วเท่า นั้น
เวลานี้มีคนบอกว่าเมื่อหลักนิติศาสตร์ใช้ไม่ได้ ก็ต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ สำหรับผมแล้วไม่มีคำว่าหลักรัฐศาสตร์ ในประเทศที่ปกครองด้วยหลักกฎหมาย ต้องยึดหลักนิติศาสตร์เท่านั้น ต้องทำให้กติกาเกิดการยอมรับให้ได้ เหมือนที่ ดร.ป๋วย เรียกร้องให้มีกติกาหมู่บ้าน คือลูกบ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องยอมรับกติกานั้นทั้งหมด
อัดพวกไม่ยอมรับ รธน.50 เพราะ คมช. ต้องไม่ยอมรับ รธน.40 ด้วยเพราะมาจาก รสช.
คราวนี้มาถึงเรื่องรัฐธรรมนูญ พูดกันมากว่าประเทศประชาธิปไตย ไม่ยอมรัฐประหาร ผมถามว่าคนที่บอกว่ารัฐธรรมนูญ 2550 มาจากการทำรัฐประหาร ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แล้วรัฐธรรมนูญ 2540 ไม่ได้มาจาก คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่มีการปฏิวัติยึดอำนาจรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อปี 2534 หรือ ผมบอกได้เลยว่าประวัติศาสตร์รัฐธรรมนูญไทย ไม่เคยมีรัฐธรรมนูญฉบับไหนที่ผ่านการทำประชามติ แล้วที่บอกว่าประชาชนเขาโดนหลอก แต่นั่นก็เป็นเสียงประชาชนไม่ใช่หรือครับ
อัดพวกไม่ยอมรับรัฐประหาร จะยอมรับ 2475 หรือไม่
ผมถามท่านที่บอกว่า มีความคิดเป็นประชาธิปไตย ไม่ยอมรับอำนาจทหาร ที่มาจากการทำรัฐประหาร ถ้าไม่ยอมรับรัฐประหาร ผมถามว่าเราจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี พ.ศ.2475 หรือไม่ นั้นไปเอาพระราชอำนาจมาจากองค์พระประมุขของประเทศมาเลยนะ
มีประเด็นหนึ่งที่คนมักจะมองข้าง หรือเลือกที่จะมองข้ามคือ ถ้ารัฐบาลนี้มาจากรัฐประหาร ผมก็ถามว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาลต่อจากรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผมถามว่ารัฐบาลนายสมัคร และรัฐบาลนายสมชาย มาจากไหน ตอนนี้เรามักจะข้ามบางเรื่องไปเพื่อผลประโยชน์อะไรบางอย่าง
ยันศาลไม่มีสองมาตรฐาน
หรือแม้แต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลฎีกาชุดนี้มีมาตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เพิ่งตั้งขึ้นใหม่หลังการทำรัฐประหาร เพียงแต่ปี 2551 มีการต่ออายุผู้พิพากษาศาลฎีกาให้เป็นผู้พิพากษาต่อไปหลังเกษียณอายุราชการ เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนผู้พิพากษา กติกาที่ออกมาออกมาเมื่อปี 2543 ในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งในปี 2544 ไม่ใช่ปี 2543 อย่างที่ ศ.ดร.สุรพลกล่าว
ศ.ดร.สุรพลกล่าวต่อไปว่า หรือเรื่องร่ำรวยผิดปกติก็เช่นกัน มีมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 อัยการสูงสุดคนปัจจุบันก็คือรองอัยการสูงสุด ในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างตัวบุคคลเลยในส่วนของอัยการ เพราะฉะนั้น อัยการก็ทำหน้าที่ไปตามกฎหมายที่ให้อำนาจ ไม่ได้มี 2 มาตรฐาน
อธิการ ม.รังสิตชี้ประเทศวุ่นวายเหมือนเด็กตีกัน นักการเมืองคุณภาพต่ำทราม
ดร.อาทิตย์ กล่าวว่า ประเทศเราวุ่นวายเหมือนเด็กตีกันไม่มีกติกา ไม่มีวุฒิภาวะ แล้วเราพยายามหาเหตุผลมาอธิบายพฤติกรรมของเด็กๆเหล่านั้น แต่จริงๆแล้ว ถ้าจะปฏิรูปประเทศต้องคิดว่าเราในฐานะประชาชนจะรวมตัวกันอย่างไร เพราะนักการเมืองเดี๋ยวนี้มีคุณภาพต่ำทราม คิดแต่เรื่องโกงกิน เราเป็นเจ้าของประเทศจะปฏิรูปอย่างไร
ตนคิดว่า เราควรมีกรอบอย่างที่ นพ.ประเวศ เสนอ จึงจะได้ผล คือมีเป้าหมายเพื่อต้องการแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งต้องมุ่งไปที่เกษตรกร เพราะประชากรไทย 60 ล้านคน แต่มีคนจนถึง 30 ล้านคน ถือเป็นเรื่องใหญ่ การปฏิรูปต้องมุ่งไปที่การฟื้นฟูการเกษตรอย่างครบวงจร ต้องมีที่ทำกิน มีน้ำ มีสินเชื่อ เทคโนโลยีการจัดการ ตลาดที่ขายได้ โดยมีองค์กรที่ไม่ขึ้นกับกระทรวงของรัฐ เพราะเจ้ากระทรวงที่เป็นนักการเมือง มักจะทุจริตคอรัปชั่น ขณะที่เกษตรกรยังอ่อนแอ ไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ จึงต้องมีองค์กรและระบบที่เป็นอิสระ โดยการขับเคลื่อนปฏิรูปภาคเกษตร