วิกฤติเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดนาข้าวกว่าแปดแสนไร่ ทำให้พี่น้องชาวนาหมดเนื้อหมดตัวไปกว่าหนึ่งแสนราย ถือเป็นวิบัติภัยที่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง
"แม่ลูกจันทร์" เห็นว่าวิกฤติเพลี้ยกระโดดระบาดเป็นปัญหาใหญ่ที่ "นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ควรกระโดดลงไป ดูแลด้วยตัวเอง
เพราะถ้าปล่อยให้กระทรวงเกษตรฯแก้ปัญหาไปตามลำพังอาจจะสายเกินการ??
เช่นเดียวกับวิกฤติแก้รัฐธรรมนูญที่ "นายกฯอภิสิทธิ์" ประกาศหักดิบไม่ร่วมสังฆกรรมแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ประเด็น ของ 5 พรรคร่วมรัฐบาล
สร้างความเจ็บปวดแก่บรรดาเพลี้ยกระโดดการเมืองอย่างจั๋งหนับบุเรงนอง
นี่ก็เป็นปัญหาใหญ่ที่ "นายกฯอภิสิทธิ์" ต้องวางแผนรับมือให้ดี
เพราะเพลี้ยกระโดดในสภาฯปราบยากกว่าเพลี้ยกระโดดในท้องนาหลายเท่าตัว
ข้อสำคัญ การที่ "นายกฯอภิสิทธิ์" ขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ มีผลกระทบต่ออนาคตของ 5 พรรคร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน
เพราะถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ สำเร็จ การเลือกตั้งครั้งต่อไปก็ต้องใช้ ระบบ "เขตใหญ่" ตามกติกาเดิม
การเลือกตั้งเขตใหญ่เป็นกติกาที่ออกแบบให้พรรคใหญ่ได้เปรียบพรรคขนาดกลางและพรรคขนาดเล็กทุกประตู
เพราะเมื่อเขตเลือกตั้งใหญ่โอกาสที่พรรคเล็กๆจะเบียดแทรกเข้ามาได้ก็ยิ่งลำบากยากเย็น
แต่ถ้าเป็นระบบเขตเล็ก พื้นที่หาเสียงเล็กๆ ผู้สมัครพรรคเล็กยังสู้กับผู้สมัครพรรคใหญ่ได้คู่คี่สูสีกัน
การแก้ไขระบบเลือกตั้งจึงมีความ สำคัญต่อ 5 พรรคร่วมรัฐบาลด้วยประการฉะนี้แล
อย่างไรก็ตาม การที่ "นายกฯอภิสิทธิ์" กล้าดับเครื่องชนพรรคร่วมรัฐบาลทำให้ภาวะผู้นำของ "อภิสิทธิ์" มีความโดดเด่นมากกว่าที่ผ่านมา
แถมการแข็งกร้าวของ "อภิสิทธิ์" ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลไร้อำนาจต่อรองอย่างสิ้นเชิง
ถือว่างานนี้ "อภิสิทธิ์" ได้คะแนนบวกไปเต็มๆ
แต่ในมุมของพรรคร่วมรัฐบาลคือพรรคประชาธิปัตย์ "เบี้ยว" สัญญา
เพราะเงื่อนไขสำคัญในการเจรจาตั้งรัฐบาลคือประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ เปลี่ยนกติกาเลือกตั้งจากเขตใหญ่เรียงเบอร์เป็น เขตเดียวเบอร์เดียว
แต่ "นายกฯอภิสิทธิ์" ยืนยันนั่งยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยสัญญาว่าจะแก้รัฐธรรมนูญจากเขตใหญ่เป็นเขตเล็ก อย่างที่พรรคร่วมฯโจมตี
"อภิสิทธิ์" ท้าเหย็งๆ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ตกลงจะแก้รัฐธรรมนูญประเด็นนี้จริง ให้เอาหลักฐานมายืนยัน
"แม่ลูกจันทร์" พลิกแฟ้มข่าวย้อนหลัง ก็บังเอิญเจอใบเสร็จเข้าเต็มเปา!!
หนังสือพิมพ์ประจำวันที่ 17 กันยายน 2552 พาดหัวว่า "สุเทพ" ย้ำข้อตกลงพรรคร่วมแก้ รธน. 2 มาตรา
"นายสุเทพ กล่าวว่า การหารือใน พรรคประชาธิปัตย์มี 2 ประเด็นที่สอดคล้องกับพรรคต่างๆ และเห็นว่าสามารถแก้ไขได้เลยคือ มาตรา 190 ว่าด้วยการทำสนธิ สัญญาต่างประเทศ และการแก้ไขเขตเลือกตั้ง ฯลฯ"
ถ้าแค่นี้ยังไม่พอ ก็ต้องพลิกข่าวย้อนหลังไปอีก 10 วัน
นสพ.ฉบับวันที่ 7 กันยายน 2552 ลงข่าว "นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม" รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวความคืบหน้าการแก้รัฐธรรมนูญ
"เบื้องต้นพรรค (ประชาธิปัตย์) มีความเห็นให้แก้รัฐธรรมนูญใน 2 มาตรา คือ มาตรา 190 การทำสัญญาระหว่างประเทศ และการเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้ง ส.ส.มาเป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียว ซึ่งพรรคเห็นว่าสามารถแก้ไขได้เลย"
จากวันนั้นถึงวันนี้ ก็ผ่านไปแค่ 5 เดือน...
พรรคประชาธิปัตย์เป็นโรคความจำสั้นซะแล้วไง??
"แม่ลูกจันทร์"