พูดกระแหนะกระแหนเรื่อยว่า คอยดูเถอะหากศาลตัดสินไม่ยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท เมื่อไหร่ก็จะมีคน (พวกเสื้อแดง) บอกว่า ศาลยุติธรรม แต่หากศาลสั่งยึดทรัพย์ ก็จะมีคน (เสื้อแดง) กล่าวหาว่า ศาลไม่ยุติธรรม
ก็ไม่รู้คนพูดใช้อะไรคิด ทีพวกตัวเองปล่อยข่าว มีการติดสินบนผู้พิพากษา 5,000 ล้านบาท เพื่อหวังอะไร ไม่ใช่ต้องการ ดิสเครดิตศาลหรือ เรื่อง เอาดีใส่ตัว โยนชั่วคนอื่น เก่งนัก
ที่จริงไม่ต้องรัก “ทักษิณ” เลย แต่ยอมรับหรือไม่ว่า หลัง 19 ก.ย. 49 อุตส่าห์ ลากรถถังออกมาล้มล้างรัฐบาลเลือกตั้ง ปู้ยี่ปู้ยำประเทศ ฉีก รธน.ทิ้ง ทำลายหลักนิติ ธรรมสูงสุด แล้วประเทศได้อะไร
นอกจากมีการ ใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน เพื่อกำจัดฝ่ายตรงข้าม ไม่ต้องจบกฎหมายจากฝรั่งเศสก็สัมผัสได้ ทำไมใช้กฎหมายย้อนหลังยุบพรรคไทยรักไทย แต่ รธน.ปิศาจกลับบัญญัติ ม.309 ให้มีการนิรโทษกรรมคนทำปฏิวัติโดยไม่ต้องรับผิดทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
“อัปยศ” ไหม
ทำไม ทำกับข้าว ถูกถอดจากนายก รัฐมนตรี แถมใช้พจนานุกรมอ้างอิงอีก แต่ ตุลาการ บางคนสอนพิเศษในมหาวิทยาลัย เอกชนชื่อดัง รับค่าสอนชั่วโมงละหลายพัน กลับอ้างเป็นวิทยาทาน ไม่ใช่ ลูกจ้าง
ยังมีเรื่องสำคัญ แอบเปลี่ยนองค์คณะในบางคดี เพื่อให้ผลตัดสินเป็นตามธงที่ตั้งไว้ ก็ภาวนาให้สักวันมีผู้กล้าออกมา เปิดเผยข้อเท็จจริงให้โลกรู้ทีเถอะ แทนที่จะรู้ในวงจำกัด นี่ล่ะทำให้ ตุลาการภิวัตน์
ถูกตั้งคำถามมากมาย
ไม่แปลกหรอกที่ คนเสื้อแดง รู้สึกว่า พวกกูทำอะไรผิดหมด พวกมึงทำอะไร ถูกหมด เพราะเสื้อแดงยึดอนุสาวรีย์ฯ ถูกฟ้องศาลใน 3 วัน อีกสียึดทำเนียบฯ (ถอนฟ้องดื้อ ๆ) ยึดสนามบินฯ ยังลอยนวลจนป่านนี้ เหมือนอำมาตย์รุกป่ายอดเขาไม่ผิด ชาวบ้านรุกป่าเชิงเขาติดคุก
ยังมีอีก คดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของ ปชป. ที่จะนำไปสู่การยุบพรรค ก่อนหน้านี้การยุบพรรคง่ายกว่าปอกกล้วยเข้าปาก แค่ เชื่อได้ว่าก็ถูกเชือดแล้ว แต่คดีนี้ กกต. ยืนยันต้องมี หลักฐานพิสูจน์ ชัดจึงจะเข้าข่าย
นี่ล่ะ 2 มาตรฐาน
แต่เมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสกับผู้พิพากษา ณ รพ.ศิริราช ตอนหนึ่งว่า ขอให้ผู้พิพากษายึดถือความยุติธรรม ความเป็นกลาง ทรงเน้นเป็นกลางแท้ ๆ จนกว่าชีวิตจะหาไม่
ก็เหมือนฟ้ามาโปรด นี่ล่ะคือสิ่งที่ ผู้รักความเป็นธรรมถวิลหาและเรียกร้องตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ ยึดหลักกู อย่างที่พวกชอบเอาดีใส่ตัว โยนชั่วให้คนอื่น กล่าวหาเลย
แล้วเมื่อคดียึดทรัพย์ ศาลฎีกาฯแผนกนักการเมือง พิพากษาให้ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน ให้ตกเป็นของแผ่นดิน เพราะผิดทุกข้อหาที่ตั้งไว้ แต่ยังเมตตา ไม่ยึดเงินก่อนมาเล่นการเมือง (ปี 43) 3 หมื่นล้านบาท คืนให้ (ถ้าไม่ถูกเรียกเก็บภาษีจนหมดตัว)
ย่อมถือว่าเรื่องนี้จบแล้ว ศาลได้ทำหน้าที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว
พ.ต.ท.ทักษิณ หรือคนเสื้อแดง จะพอใจหรือไม่ก็แล้วแต่ จะสงสารว่าคนที่ รักถูกรังแกก็คิดได้ แต่ยังไง ก็เปลี่ยนคำพิพากษาไม่ได้แล้ว เหนืออื่นใดน่าจะถือเป็น คุณูปการใหญ่หลวง ต่อการชุมนุมใหญ่ 14 มี.ค. ด้วยซ้ำ การเรียกร้องประชาธิปไตยเที่ยวนี้จะได้เลิกถูกกล่าวหาว่า สู้เพื่อ (เงิน) ทักษิณเสียที
คุณูปการอีกเรื่องคือ ทำให้ย้อนไปถึงบรรยากาศวันยุบพรรค คำชี้ขาดวันนั้น คือ “เชื่อได้ว่า” แต่วันยึดทรัพย์คือ “ได้มา... โดยไม่สมควร”.
ดาวประกายพรึก
ก็ไม่รู้คนพูดใช้อะไรคิด ทีพวกตัวเองปล่อยข่าว มีการติดสินบนผู้พิพากษา 5,000 ล้านบาท เพื่อหวังอะไร ไม่ใช่ต้องการ ดิสเครดิตศาลหรือ เรื่อง เอาดีใส่ตัว โยนชั่วคนอื่น เก่งนัก
ที่จริงไม่ต้องรัก “ทักษิณ” เลย แต่ยอมรับหรือไม่ว่า หลัง 19 ก.ย. 49 อุตส่าห์ ลากรถถังออกมาล้มล้างรัฐบาลเลือกตั้ง ปู้ยี่ปู้ยำประเทศ ฉีก รธน.ทิ้ง ทำลายหลักนิติ ธรรมสูงสุด แล้วประเทศได้อะไร
นอกจากมีการ ใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน เพื่อกำจัดฝ่ายตรงข้าม ไม่ต้องจบกฎหมายจากฝรั่งเศสก็สัมผัสได้ ทำไมใช้กฎหมายย้อนหลังยุบพรรคไทยรักไทย แต่ รธน.ปิศาจกลับบัญญัติ ม.309 ให้มีการนิรโทษกรรมคนทำปฏิวัติโดยไม่ต้องรับผิดทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
“อัปยศ” ไหม
ทำไม ทำกับข้าว ถูกถอดจากนายก รัฐมนตรี แถมใช้พจนานุกรมอ้างอิงอีก แต่ ตุลาการ บางคนสอนพิเศษในมหาวิทยาลัย เอกชนชื่อดัง รับค่าสอนชั่วโมงละหลายพัน กลับอ้างเป็นวิทยาทาน ไม่ใช่ ลูกจ้าง
ยังมีเรื่องสำคัญ แอบเปลี่ยนองค์คณะในบางคดี เพื่อให้ผลตัดสินเป็นตามธงที่ตั้งไว้ ก็ภาวนาให้สักวันมีผู้กล้าออกมา เปิดเผยข้อเท็จจริงให้โลกรู้ทีเถอะ แทนที่จะรู้ในวงจำกัด นี่ล่ะทำให้ ตุลาการภิวัตน์
ถูกตั้งคำถามมากมาย
ไม่แปลกหรอกที่ คนเสื้อแดง รู้สึกว่า พวกกูทำอะไรผิดหมด พวกมึงทำอะไร ถูกหมด เพราะเสื้อแดงยึดอนุสาวรีย์ฯ ถูกฟ้องศาลใน 3 วัน อีกสียึดทำเนียบฯ (ถอนฟ้องดื้อ ๆ) ยึดสนามบินฯ ยังลอยนวลจนป่านนี้ เหมือนอำมาตย์รุกป่ายอดเขาไม่ผิด ชาวบ้านรุกป่าเชิงเขาติดคุก
ยังมีอีก คดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของ ปชป. ที่จะนำไปสู่การยุบพรรค ก่อนหน้านี้การยุบพรรคง่ายกว่าปอกกล้วยเข้าปาก แค่ เชื่อได้ว่าก็ถูกเชือดแล้ว แต่คดีนี้ กกต. ยืนยันต้องมี หลักฐานพิสูจน์ ชัดจึงจะเข้าข่าย
นี่ล่ะ 2 มาตรฐาน
แต่เมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสกับผู้พิพากษา ณ รพ.ศิริราช ตอนหนึ่งว่า ขอให้ผู้พิพากษายึดถือความยุติธรรม ความเป็นกลาง ทรงเน้นเป็นกลางแท้ ๆ จนกว่าชีวิตจะหาไม่
ก็เหมือนฟ้ามาโปรด นี่ล่ะคือสิ่งที่ ผู้รักความเป็นธรรมถวิลหาและเรียกร้องตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ ยึดหลักกู อย่างที่พวกชอบเอาดีใส่ตัว โยนชั่วให้คนอื่น กล่าวหาเลย
แล้วเมื่อคดียึดทรัพย์ ศาลฎีกาฯแผนกนักการเมือง พิพากษาให้ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน ให้ตกเป็นของแผ่นดิน เพราะผิดทุกข้อหาที่ตั้งไว้ แต่ยังเมตตา ไม่ยึดเงินก่อนมาเล่นการเมือง (ปี 43) 3 หมื่นล้านบาท คืนให้ (ถ้าไม่ถูกเรียกเก็บภาษีจนหมดตัว)
ย่อมถือว่าเรื่องนี้จบแล้ว ศาลได้ทำหน้าที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว
พ.ต.ท.ทักษิณ หรือคนเสื้อแดง จะพอใจหรือไม่ก็แล้วแต่ จะสงสารว่าคนที่ รักถูกรังแกก็คิดได้ แต่ยังไง ก็เปลี่ยนคำพิพากษาไม่ได้แล้ว เหนืออื่นใดน่าจะถือเป็น คุณูปการใหญ่หลวง ต่อการชุมนุมใหญ่ 14 มี.ค. ด้วยซ้ำ การเรียกร้องประชาธิปไตยเที่ยวนี้จะได้เลิกถูกกล่าวหาว่า สู้เพื่อ (เงิน) ทักษิณเสียที
คุณูปการอีกเรื่องคือ ทำให้ย้อนไปถึงบรรยากาศวันยุบพรรค คำชี้ขาดวันนั้น คือ “เชื่อได้ว่า” แต่วันยึดทรัพย์คือ “ได้มา... โดยไม่สมควร”.
ดาวประกายพรึก