ประเทศไทยใกล้จะเข้าสู่จุดวิกฤติเต็มที เพราะการไม่มีมาตรฐาน ความเป็นธรรม นี่แหละนำไปสู่จุดวิกฤติบ้านเมือง ติดตามข่าวกรณีอัยการพิเศษมีคำสั่งฟ้อง พล.ต.ท. สมคิด บุญถนอม ผบก.ภ.5 และพวกอีก 5 คน ข้อหาอุ้มฆ่านักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย ต้องลุ้นทุกขั้นทุกตอน
โดยเฉพาะ รัฐบาลประเทศซาอุดีอาระเบีย ที่ติดตามเรื่องเหล่านี้มาถึง 13 รัฐบาล และเหลือฟางเส้นสุดท้ายก่อนที่คดีความจะหมดอายุความในเดือน ก.พ.นี้
สมมติรัฐบาลไทยยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนออกมา ทราบว่าประเทศซาอุดีอาระเบียเตรียมใช้มาตรการทางการทูตกดดัน เตรียมปิดสถานทูตซาอุดีอาระเบียในประเทศไทย ตัดสัมพันธ์ ทางการทูต เอาแน่
เรื่องของคดีความจะไปถึงไหนอย่างไร ต่อไปนี้ เป็นขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องว่ากันไปตามเนื้อผ้า และตัวบทกฎหมายอย่างเคร่งครัด
แต่ในทางปฏิบัติ รัฐบาลก็จะต้องแสดงความโปร่งใส ควบคู่กันไปด้วย ถามว่ารัฐบาลให้ความเป็นธรรมตามมาตรฐานที่ใช้ปฏิบัติกับข้าราชการที่ถูกกล่าวหาเช่นเดียวกับที่เคยปฏิบัติมาหรือไม่
คดีนี้ เป็นคดีที่มีความสำคัญเนื่องจากเป็นคดีอาญาร้ายแรง มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญและมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ตก
เป็นผู้ต้องหา เพราะฉะนั้นจะต้องกระทำการอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา
มาตรฐานที่ผ่านมาที่ใช้ปฏิบัติกับคนทั่วไป คดีมีลำดับความสำคัญน้อยกว่าคดีนี้ด้วยซ้ำไป ยังไม่มีการให้ประกันตัว เพราะ เกรงว่าจะมีการทำลายหลักฐานและบังคับข่มขู่พยานทำให้เสียรูปคดี
นอกจากนี้ เพื่อไม่ให้ใช้อำนาจหน้าที่ในการที่จะเอื้อประโยชน์ต่อการสู้คดี สมควรต้องมีการสั่งพักราชการ เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ถึงกฎเหล็กของ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะไม่มีการระบุเอาไว้ แต่โดยมาตรฐานที่รัฐบาลควรจะมีสำนึก ควรจะปฏิบัติต่อกรณีอย่างไร เห็นทีไม่ต้องมาอธิบายความกันมาก อยู่ที่ว่านายกฯอภิสิทธิ์จะกล้าขัดใจใครบางคนหรือไม่เท่านั้น
สงสารประเทศไทย สงสารคนไทยที่ต้องตกเป็นตัวประกันซ้ำซาก
ยังมีเรื่องที่ต้องติดตามอีกหลายเรื่องเพราะจะเกี่ยวข้องส่งผลกับวิกฤติบ้านเมืองทั้งนั้น คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านใกล้จะปิดบัญชี ต้องพิสูจน์ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนจากอำนาจหน้าที่หรือไม่
หรือผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจหรือไม่.
หมัดเหล็ก