คอลัมน์ เหล็กใน
ถึงแม้บรรดาแกนนำ นปช.จะออกมายืนยันว่าการชุมนุมครั้งนี้จะไม่ปิดสนามบิน เป็นเพียงแค่การรวมตัวกันประท้วงบริเวณถนนทางเข้า เพื่อกดดันให้รัฐบาลเร่งดำเนินคดีกับม็อบเสื้อเหลือง (พันธมิตร) ที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 2 ปี
แต่ในแง่ของความรู้สึกของประชาชนคงรับไม่ได้แน่หากมีการปิดสนามบินอีกครั้ง
เพราะปัญหาต่างๆ จะตามมาไม่รู้จักจบสิ้น
เศรษฐกิจของประเทศที่ยังลูกผีลูกคน คงทรุดหนักกลับไปอีก
นอกจากความเดือดร้อนของประชาชนผู้ใช้บริการแล้ว การท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศจะหดหายไปหมด
ภาพเมืองไทยในสายตาชาวโลกยิ่งไม่ต้องพูดถึง
คงติดลบ ดิ่งลงเหว
มีบทเรียนมาแล้วจากกรณีม็อบเสื้อเหลืองปิด 2 สนามบินทั้งสุวรรณภูมิและดอนเมือง
ในเมื่อรู้ดีแล้วว่าจะมีผลกระทบมหาศาลแบบนั้น ทำไมม็อบแดงต้องสร้างความเสียหายแบบเดียวกับม็อบเหลือง!?
อีกด้านก็ให้สงสัยว่ารัฐบาลบริหารประเทศมาปีเศษ ทำไมม็อบแดงถึงไม่ได้ลดน้อยลงเลย
ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ในมุมมองของรัฐบาลคงสรุปได้ประเด็นเดียวคือ "ผลประโยชน์" โยงกับการเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ยังไม่ยอมหยุด ไม่ยอมเลิก
ข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งก็คงเป็นตามนั้น เพราะหากพ.ต.ท. ทักษิณปล่อยวาง เลิกแทรกแซง ไม่มีท่อน้ำเลี้ยง ม็อบแดงคงกร่อยลงเรื่อยๆ จนเงียบหายไปเอง
แต่ต้องไม่ลืมว่า การรวมตัวของม็อบเสื้อแดงอีกส่วนหนึ่งก็มาจากความรู้สึกไม่เห็นด้วย ไม่พอใจ และโกรธแค้นรัฐบาล
ประเด็นนี้คงไปโทษใครไม่ได้ นอกจากรัฐบาล
ที่ตอกย้ำความรู้สึกเคียดขึ้ง
โดยเฉพาะประเด็น 2 มาตรฐาน!!
คนเสื้อแดงรู้สึกและเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้เมินเฉยต่อความผิดของม็อบเหลืองในอดีต ดูได้จากคดีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพันธมิตร ทั้งยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน 2 แห่ง
ล่วงเลยมานานเกือบ 2 ปีแล้วแทบไม่มีความคืบหน้าอะไร
พอทวงถามก็อ้ำๆ อึ้งๆ ตอบไม่ชัดเจน อ้างแค่ว่ามีพยานหลายปากยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้น
กลับกันคดีม็อบเสื้อแดงก่อหวอดช่วงสงกรานต์ปีที่แล้ว รัฐบาลสั่งการตำรวจจับกุมดำเนินคดีฉับไว ได้ผลทันตา
มาตรฐานที่เหลื่อมล้ำกันแบบนี้ เป็นชนวนสร้างพลังให้ม็อบแดงแข็งกร้าวขึ้น
ยิ่งตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แสดงจุดยืนชัดเจนแล้วว่าเลือกข้างเลือกฝ่าย เลือกที่จะฟังขาใหญ่ม็อบเหลืองจนออกนอกหน้านอกตา
เท่ากับราดน้ำมันเข้ากองเพลิง
เหมือนไม่อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุขโดยไวเลย!!