เอ็งมา ข้ามุด
เอ็งหยุด ข้าแหย่
เอ็งแย่ ข้าตี
เอ็งหนี ข้าตาม
เรียบเรียงข้อความเหล่านี้ เพื่อจะบอกว่า...ไม่ใช่เรื่องใหม่ข้อความใหม่...เป็นหนึ่งในยุทธวิธีทำสงครามของกองกำลังที่เล็กกว่ากับกองกำลังที่พรั่งพร้อมกว่าแน่นอนว่า..ฝ่ายที่อ่อนด้อยกว่า..จะต้องหลีกเลี่ยงการปะทะ และต้องใช้คุณลักษณะของความด้อยให้เป็นผลประโยชน์..กลับมาเป็นฝ่ายรุกทางยุทธวิธี..ว่ากันว่า..ผู้เชี่ยวชาญที่สุดในการปรับปรุงกลยุทธ์นี้คือ เหมาเจ๋อตุง..ในระหว่างที่เป็นผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์สู้กับกองทัพที่มีกำลังพลอันดับหนึ่งของโลก กองทัพของจอมพล เจียงไคเช็ค..เป็นการสู้รบกันระหว่างวิธีรบแบบฝรั่งที่ จอมพลเจียง..ไปเล่าเรียนมาจากอังกฤษอเมริกา และการพลิกตำราสู้ ของบรรณารักษ์จากห้องสมุด
ประธานเหมาเจ๋อตุง ที่ถ่ายทอดและประดิษฐ์วิธีรบมาจากสงครามในประเทศจีนที่ยาวนานกันมากว่าพันปีเดิมพันในสงครามชิงแผ่นดินระหว่าง เจียงไคเช็ค กับเหมาเจ๋อตุง..กินเวลาเนิ่นนานถึง 28 ปี.. จาก 1921 ถึง 1949 และผู้ชนะ คือ กองทัพอ่อนด้อยของประธานเหมา..ส่วนจอมพลผู้ปราชัย..ต้องย้ายฐานทิ้งแผ่นดินใหญ่ไปอยู่เกาะกระจ้อยร่อยเกาะไทเปเหมาเจ๋อตุง..ยังยึดมั่นในหลักการรบโบราณ...ไม่ข้ามทะเลไปไล่ล่าสุนัขที่กำลังจนตรอก...เขาปล่อยให้ เจียงไคเช็ค..
สร้างประเทศจีนใหม่ขึ้นมาบนเกาะแห่งนั้น..จึงไม่มีใครทำนายได้ว่า...หากเหมาเจ๋อตุง..ข้ามทะเลไปไล่ล่า..เพื่อเข่นฆ่า เจียงไคเช็ค..ประวัติศาสตร์ประเทศจีนจะลงเอยในแบบไหน..แต่ในยุทธวิธีของ เหมาเจ๋อตุงนั้นเขาครอบครองอำนาจเหนือจีนมาได้อีก 40 ปี..และตายอย่างมีอำนาจในวัย 83 ปี..เขียนขึ้นมาเพื่อที่จะบอกว่า...การไล่ล่า ทักษิณชินวัตร..ของศัตรูของทักษิณในวันที่ชิงทำเนียบมาได้โดยการปฏิวัติรัฐประหารนั้น...ก็ไม่ต่างอะไรกับการไล่ล่าสุนัขที่จนตรอก..ไม่มี
ปรากฏในตำราพิชัยสงครามไม่ว่าในแผ่นดินไหนและประเทศไทยก้าวเข้าใกล้ภัยพิบัติแห่งความร้าวฉานเนิ่นนานมาจนบัดนี้นั้น..ก็เพราะ..แม่ทัพใหญ่ที่ไร้คุณสมบัติของนักรบ..แต่ที่แย่ยิ่งกว่า...กลายเป็นว่า...ฝูงสุนัขไล่ล่า สิงโตให้จนตรอก..มันจึงประเมินไม่ได้ จะต้องใช้กี่ชีวิตหมา..กว่าสิงโตจะตาย..หรือเมื่อสิ้นหมาตัวสุดท้าย..สิงโตก็จะก้าวโผล่ออกมาจากตรอก