บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

ยายเที่ยง-สอยดาว อัปยศ 2มาตรฐาน


จากเขายายเที่ยง ก็เลยลามต่อไปพื้นที่ป่าเขาสอยดาว จันทบุรี...ครั้งนี้ไม่ใช่บ้านพักตากอากาศ แต่เป็นของใหญ่ เพราะเป็นสนามกอล์ฟสอยดาวไฮแลนด์ เป็นโรงแรมซึ่งครั้งนี้เป็นการทำธุรกิจ เป็นการหาเงินหารายได้บนพื้นที่ป่า เหมือนกับชาวบ้านที่เขายายเที่ยงเอาที่ดินไปทำมาหากินนั่นแหละฉะนั้น ข้ออ้างของอัยการที่เคยใช้ได้ผลว่า “ไม่มีเจตนากระทำความผิด” คงจะใช้ไม่ได้

แม้แต่รายการ Believe It or Not! สถาบัน Ripley's ยังต้องมึนตึ๊บ และถึงกับอุทานว่า “เชื่อหรือไม่?”ทำไมที่ดินป่าสงวนเมืองไทยถึงได้ทรงพลังเช่นนี้!!!เพราะทำให้คนหลายคน ตกอยู่ในบ่วงความต้องการที่สูงมาก จนทำอะไรก็ได้เพื่อให้ได้ครอบครอง แม้ว่าหลายคนจะเคยเป็นบุคคลระดับสูงของประเทศมาแล้วก็ตามเพราะทำให้มาตรฐานความยุติธรรมของประเทศถึงกับสั่นคลอนอย่างรุนแรงเพราะทำให้มาตรฐานของคำว่า “จริยธรรม”ในเมืองไทยกลายเป็นสิ่งที่ถูกล้อเลียนกระแนะกระแหนเสียดสีแล้วที่ไม่น่าเชื่ออีกประการก็คือ เหตุการณ์ฉาวเรื่องการบุกรุกป่า การยึดครองที่ดินป่าสงวน มักจะชอบมาเป็นเรื่องเป็นราวปูดขึ้นใน

ยุคที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลทุกทีไปสปก.4-01 ที่อื้อฉาว เพราะมีการเอาที่ดินป่าสงวน ซึ่งจะต้องจัดสรรให้เป็นที่ทำกินให้กับเกษตรกรที่ยากจน กลับกลายเป็นว่า เอาไปแจกให้เศรษฐี นายหัว คนรวยอื้อซ่าแถมพ่วงด้วยกลุ่มบรรดานายทุนพรรคอีกส่วนหนึ่งอะร้าอร่ามกัน จนสุดท้ายรัฐบาลเองก็ต้องล้มคว่ำ... อยู่ไม่ได้ เพราะฝืนความรู้สึกของสังคมมากเกินไป“ร้อนลมป่า เย็นลมปุ๋ย” กลายเป็นวลีล้อเลียนพรรคประชาธิปัตย์ในยุคนั้นมายุคนี้ ยุคที่พรรคประชาธิปัตย์

กระเสือกกระสน ขานรับขั้วอำนาจ ทั้งกลุ่มอำมาตยาธิปไตย และกลุ่มทหาร จนสามารถขึ้นมาเป็นรัฐบาลได้สำเร็จจนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะถูกล้อเลียนว่าเป็นหุ่นกระบอกให้คนชักใย... หรือแม้กระทั่งเป็นหุ่นกระบอกพิน็อกคิโอ ก็ยังมีลงทุนมากขนาดนี้แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ ยังต้องมาเจอกับกรณี“ที่ดินเป็นพิษ”ขึ้นมาอีกแถมเป็นที่ดินไข่แดงใจกลางป่าสงวนอย่าง“เขายายเที่ยง”เข้าให้เสียด้วยเลยอึ้งและน้ำท่วมปากเป็นอย่างมาก แถมจะทำ

อะไรให้เด็ดขาดล้างอายกรณี สปก. 4-01 ในอดีต ก็ไม่สามารถจะทำได้ เพราะคนที่เกี่ยวข้องกรณีเขายายเที่ยงดันชื่อ “พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์”จะหยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ... ลำบากยากใจรัฐบาลเป็นยิ่งนักผลก็คือ คำว่า 2 มาตรฐานระงมไปทั้งแผ่นดินเพราะชาวบ้านตีนเขายายเที่ยง ที่เป็นคนจนจริงๆ เข้าไปหักล้างถางพงทำมาหากินเลี้ยงชีพให้รอดตายไปวันๆแต่เนื่องจากเป็นการบุกรุกที่ป่าสงวน กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย ถูกศาลตัดสินโทษจำคุก ผ่านมาแล้วถึง 2 ศาลถ้า

ศาลสุดท้ายยืนคำตัดสินตามศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ก็คงต้องย้ายนิวาสถานจากเขายายเที่ยงไปอยู่ในเรือนจำแม้ว่าจะน่าสงสารที่เป็นคนยากคนจน แต่กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย น่าเสียดายที่บริเวณเขายายเที่ยงเช่นกัน แต่ไม่ได้เข้าไปอยู่ทำมาหากิน แต่เป็นการเอาไปทำเป็นบ้านพักตากอากาศ ก็เลยกลายเป็นว่าไม่มีเจตนาจะทำผิดซะงั้นอ้างว่า กรณีนี้อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา ฉะนั้นต้องถือว่าแล้วๆ กันไปหลายคนจึงมีการไปตั้งข้อสังเกตว่า เพราะอธิบดีกรม

อัยการฝ่ายคดีพิเศษเป็นศิษย์เก่าสวนกุหลาบ ก็เลยอาจจะอึดอัดใจที่ต้องทำคดีนี้หรือไม่???เพราะผู้ถูกกล่าวหาเป็นอดีตนายกสมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบ และเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบก ในอดีตได้รับเกียรติ ได้รับการยกย่อง จึงได้ลงความเห็นไปว่า มิได้มีเจตนาที่จะบุกรุกที่ดินป่าสงวน ถือว่าไม่มีความผิดทางอาญาส่วนชาวบ้านที่อัยการสั่งฟ้อง และถูกศาลพิพากษาให้จำคุกนั้น เป็นการบุกรุกเข้าไปหักล้างถางพงเพื่อทำอาชีพ เพื่อแสวงหาราย

ได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ถือเป็นการเจตนาทำผิดนี่ถ้าชาวบ้านบอกว่า หักล้างถางพงทำเป็นบ้านพักผ่อน เป็นบ้านตากอากาศก็คงรอดแล้ว???ก็แบบนี้แหละที่กลุ่มคนเสื้อแดง ก็เลยไปตั้งหมู่บ้านสองมาตรฐานตรงข้ามบ้านพักตากอากาศเสียเลยให้รู้แล้วรู้รอดไปรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่แพ้เรื่องเกี่ยวกับที่ดิน เหมือนงูเหลือมกลัวเชือกกล้วย ก็เลยได้แต่ทำตาปริบๆ พูดอะไรไม่ออกยังดีที่กรมป่าไม้ ไม่อาจจะฝืนกระแสความรู้สึกของประชาชนทั้งแผ่นดินได้ ก็เลยไม่ยอมรับมุก

2 มาตรฐานสั่งให้คืนพื้นที่ป่าใน 30 วันเพียงแต่ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้วในแง่ของอารมณ์ ความรู้สึกของสังคมเพราะในช่วงที่การทวงถามที่ดินเขายายเที่ยงกำลังร้อนฉ่า พล.อ.สุรยุทธ์ ปฏิเสธที่จะคืนที่ดินเขายายเที่ยง โดยถือเอาเหตุผลของอัยการเป็นเกณฑ์ว่าไม่มีเจตนาทำความผิด จึงไม่จำเป็นต้องคืนหลายคนจึงอดรู้สึกเสียดายไม่ได้ว่า... ถ้าคืนเสียตั้งแต่ประเด็นนี้ถูกสังคมตั้งคำถาม อะไรๆคงจะดีกว่านี้มากมายโดยเฉพาะกับคำว่า จริยธรรมแต่เมื่อต้องมาคืน หลังจาก

ที่กรมป่าไม้มีมติชี้ขาด ก็เลยเป็นหนังคนละม้วน เป็นความรู้สึกคนละอย่างเสียดาย!!!เพราะถ้าต้องมาคืนเอาตอนที่กรมป่าไม้ต้องใช้มติชี้ขาด คุณค่าอันใดก็ไม่มีเหลือไว้ให้กรณีนี้เตือนใจใครได้บ้างหรือไม่ ยากที่จะบอกได้ เพราะบอกแล้วว่า เป็นสิ่งที่แม้แต่ Ripley's ยังต้องบอกว่า Believe It or Not! ในทางศาสนาพุทธ เตือนใจมาตลอดว่า อย่ายึดติด ... คนเราตายไปน้ำหยดเดียวยังเอาไปไม่ได้ตายไป พื้นดินรองรับร่างก็แค่เท่าขนาดตัวแล้วทำไมหลายๆ คน จึงดิ้นรนไขว่คว้า

ที่จะมีที่ดินกันเยอะๆ โดยไม่สนใจความถูกต้อง ไม่สนใจกฎหมาย ไม่สนใจจริยธรรมกรณีเขายายเที่ยง รัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์กระเทือนซางไปด้วยหลายกิโลขีด ความน่าเชื่อถือถูกลบล้างลงไปในพริบตา... เพราะจนป่านนี้ ขนาดกรมป่าไม้กับกรมอุทยานแห่งชาติฯได้สรุปผลการตรวจ สอบข้อเท็จจริงว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินบนเขายายเที่ยง ต้องออกจากพื้นที่ดังกล่าวและรื้อถอนทรัพย์สินออกให้หมดรัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ ก็ยังไม่ดำเนินการใดๆ ให้

เห็นว่าจะเร่งรัดให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ให้เห็นว่ากฎหมายในยุคนี้มีมาตรฐานเดียวเมื่อไม่ทำ คำว่า 2 มาตรฐานจึงยังคงดังก้องทั้งแผ่นดินและพลอยทำให้มีรายการขุดคุ้ยความอยุติธรรมต่อเนื่องจากเขายายเที่ยง ก็เลยลามต่อไปพื้นที่ป่าเขาสอยดาว จันทบุรี...ครั้งนี้ไม่ใช่บ้านพักตากอากาศ แต่เป็นของใหญ่ เพราะเป็นสนามกอล์ฟสอยดาวไฮแลนด์ เป็นโรงแรมซึ่งครั้งนี้เป็นการทำธุรกิจ เป็นการหาเงินหารายได้บนพื้นที่ป่า เหมือนกับชาวบ้านที่เขายาย

เที่ยงเอาที่ดินไปทำมาหากินนั่นแหละฉะนั้นข้ออ้างของอัยการที่เคยใช้ได้ผลว่า “ไม่มีเจตนากระทำความผิด” คงจะใช้ไม่ได้ยิ่งเรื่องนี้ตอนแรกยังงงๆ อยู่ว่า อะไร ทำไม และใครจนเมื่อสนามกอล์ฟ และสถาบันการเงิน ออกมาชี้แจงกันให้ลั่นๆ ว่า กรณีสนามกอล์ฟเขาสอยดาว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ แต่อย่างใดทั้งสิ้นนั่นแหละ สังคมจึงถึงบางอ้อ และร้อง “อ๋อ”คำพูดของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่บอกว่าไปเขาสอยดาว เพื่อชี้ให้สังคมเห็นถึงการใช้กฎหมาย

สองมาตรฐานที่น่าอัปยศอดสู ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ รวมไปถึงการเลือกใช้กฎหมายที่เป็นคุณต่ออำมาตยาธิปไตย ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจชิงชังที่สุด แถมยังตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมจึงมีการส่งกำลังทหาร รวมทั้งรถยีเอ็มซี ไปรักษาความปลอดภัยสนามกอล์ฟนับพันนาย ไม่รู้ว่ากำลังทหารเหล่านี้มีภารกิจอะไร ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงได้ บันทึกภาพเอาไว้หมดแล้วเลยตั้งคำถามว่าทหารมีหน้าที่ไปอารักขาสนามกอล์ฟด้วยหรือ???งานเข้าทั้ง พล.อ.ประวิตร

วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เต็มๆ ในฐานะที่คุมกำลังทหาร แล้วดันมีทหารไปอารักขาสนามกอล์ฟแบบนี้ นึกไม่ออกจริงๆ ว่า บรรดามิสเตอร์สะอาดทั้งหลาย โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ จะสร้างภาพกรณี 2 มาตรฐาน คดีบุกรุกพื้นที่ป่าได้อย่างไร???ประชาธิปัตย์ แพ้ทางเรื่องพื้นที่ป่าจริงๆ แฮะ

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker