บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

มาแล้ว! พธม. ค้านแก้ไข รธน. หากดื้อแก้เจอชุมนุมใหญ่แน่

ที่มา ประชาไท

กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) วิเคราะห์สถานการณ์ ชี้รัฐบาลล้มเหลว 1 ปีกว่ายังทำตามข้อเรียกร้องของ พธม. ไม่ได้ หากดื้อแก้ รธน. เจอชุมนุมใหญ่แน่ พร้อมออกแถลงการณ์ “เตรียมพร้อมรับสถานการณ์วิกฤติของประเทศชาติ” ด้าน พธม.โคราชจี้ทางการปลดป้ายทักษิณ

5 ม.ค. 53 - เมื่อเวลา 13.30 น. ที่บ้านพระอาทิตย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ และนายสำราญ รอดเพชร และได้ร่วมกันแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลเตรียมพร้อมรับวิกฤตของประเทศชาติ
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ระบุว่า ระบอบทักษิณได้เดินเกมรุกและขยายความขัดแย้งจากตัวบุคคล จากระดับชาติไปสู่ราชอาณาจักรเรียบร้อยแล้ว ดังจะเห็นได้จากความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา โดยในปี 53 นี้จะเป็นการดิ้นเฮือกครั้งสุดท้ายของระบบกลุ่มทุนสามานย์ โดยมีองค์ประกอบครบทั้ง 4 ประการ คือ การจัดตั้งกองกำลังในภาคชนบท ดังจะเห็นได้จากการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่จังหวัดภาคอีสาน ซึ่งสามารถคว้าชัยชนะได้ตลอด การประสานสัมพันธ์ฮุนเซนจัดตั้งกองกำลังไร้สัญชาติ จัดตั้งโรงเรียนสอนทั้งการทหารและวิธีคิด และการเข้ามานั่งบัญชาการใกล้แนวชายแดน-ไทย นี่ถือเป็นเปิดประตูโจมตีประเทศไทยในปี 53 นี้
ทั้งนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงทั้ง 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย สภาความมั่นคงแห่งชาติ กอ.รมน. กรมข่าวทหาร หน่วยข่าวกรองแห่งชาติ และรองนายกฯ ด้านความมั่นคง ถือว่ายังหย่อนยานดังนั้นจะจะต้องเข้มแข็งมากกว่านี้เพื่อรับมือแผนสร้าง ความปั่นหัวของระบอบทักษิณ
นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าววิเคราะห์ว่า ระบอบทักษิณจะทุ่มกำลังสุดตัวเพื่อต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อตนเองจะได้กลับมาทวงคืนอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นการก่อรัฐประหาร ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายใดเพื่อล้มเลิกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ดังนั้น นายกฯ จะแสดงความกล้าหาญอย่าวเดียวไม่ได้ เพราะจะต้องมีการบริหารจัดการรูปแบบใหม่เพื่อต่อกรกับสถาการณ์ที่พัฒนาไปทุก รูปแบบ
นายสำราญ รอดเพชร แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 กล่าวเรียกร้องให้ทุกฝ่ายจับตาสถานการณ์ในเดืน ม.ค.-ก.พ. ระบอบทักษิณพร้อมแล้วและจ้องใช้ความรุนแรง หรือก่อให้สงครามกลางเมือง ซึ่งจะนำบ้านเมืองเข้าสู่วิกฤตการเมืองครั้งใหญ่ เป็นไปได้ว่าจะเกิดความแตกแยกไม่ต่างจากประเทศพม่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผู้นำต้องกล้าหาญ หากจำเป็นก็ให้ยอมเป็นรัฐบาลเสียงน้อย ไม่ต้องหวั่นไหวกับเกมต่อรอง หากพรรคร่วมจะถอนตัวก็จำเป็น
“สุริยะใส” จี้รัฐบาลบริหารประเทศ 1 ปีเศษแล้ว ยังทำตามข้อเรียกร้อง พธม.ไม่ได้
โดยนายสุริยะใส กล่าวว่า ขณะนี้พันธมิตรฯ ได้ให้โอกาสรัฐบาลบริหารประเทศมาเป็นเวลา 1 ปีเศษแล้ว เห็นว่ารัฐบาลชุดดังกล่าวยังไม่สามารถปฎิบัติตามข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ ได้ คือ
1.รัฐบาลไม่สามารถขจัดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นให้บรรเทาเบาบางได้ ด้วยปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้น ทำให้องค์กรระหว่างได้ระบุว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในปีที่ผ่านมาแย่ลงกว่าก่อนหน้านี้
2.รัฐบาลล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้ง ล้มเหลวในปัญหาด้านความมั่นคง
3.รัฐบาลล้มเหลวในการบริหารจัดการด้านการใช้สื่อของรัฐ ไม่สามารถนำความจริงและทำความเข้าใจในการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพวก ให้ประชาชนได้รับทราบได้
4.รัฐบาลล้มเหลวในด้านการปฎิรูปการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า พันธมิตรฯ เห็นว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันยังอยู่ในวนเวียนของการเมืองเก่า ซึ่งมองผลประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ จึงขอเรียกให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ มีความกล้าหาญแก้ไขวิกฤตของบ้านเมืองทุกๆ ด้าน เพื่อยุติวิกฤตของชาติบ้านเมืองให้ได้โดยเร็วที่สุด รวมทั้ง ไม่ต้องกลัวคำข่มขู่ทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น ถ้ามีการต่อรองจากพรรคร่วมรัฐบาล ขู่ว่าจะถอนตัว ก็ควรให้ถอนไปได้เลย และพันธมิตรฯ ยังคงยืนยันที่จะคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 50 ใน 3 ประเด็น คือ คัดค้านไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปลี่ยนแปลงพระราชอำนาจและโครงสร้างที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ คัดค้านไม่ให้ฟอกความผิดให้กับนักการเมืองและพวก และคัดค้านไม่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ของนักการเมือง
ดังนั้น ขอยืนยันว่าความผิดที่เกิดขึ้น เพราะการกระทำของนักการเมืองไม่ใช่เป็นผลมาจากรัฐธรรมนูญ รวมทั้ง กระแสข่าวการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองทั้งสิ้น
“จำลอง” เตือน ดื้อแก้ รธน. เจอชุมนุมใหญ่แน่
ด้าน พล.ต.จำลอง กล่าวว่า หากมีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อใด พันธมิตรฯ ทั่วประเทศจะออกมาชุมนุมใหญ่เพื่อคัดค้านทันที เพราะว่าการชุมนุมที่ผ่านมาเป็นการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำโดยพรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้าน ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อบ้านเมืองเลย ยิ่งจะทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหายมากขึ้น ต้นเหตุของปัญหาอยู่ที่นักการเมือง ไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญ 50 แต่อย่างใด หรือการอ้างเพื่อนำรัฐธรรมนูญ 40 กลับมาใช้ ก็ไม่ได้แก้ไขให้นักการเมืองไทยมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น เพราะการแก้ไขที่เสนอออกมา เพื่อประโยชน์ของนักการเมืองทั้งสิ้น แต่ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนเลย ดังนั้น การที่จะออกมาชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรฯ ก็ขึ้นอยู่สถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไร แต่เราก็พร้อมที่จะออกมาคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างตลอดเวลา
นอกจากนี้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1/2553 เรื่อง เตรียมพร้อมรับสถานการณ์วิกฤติของประเทศชาติ

แถลงการณ์ ฉบับที่ 1/2553 กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เรื่อง เตรียมพร้อมรับสถานการณ์วิกฤติของประเทศชาติ
ตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เคยยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ทำงานเพื่อรักษาผลประโยชน์ต่อประเทศชาติตามแถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 29/2551 ลงวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2551 นั้น
บัดนี้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ให้โอกาสรัฐบาลบริหาราชการแผ่นดินมาเป็นเวลา 1 ปีเศษแล้ว เห็นว่ารัฐบาลชุดดังกล่าวยังไม่สามารถปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ดังประเด็นต่อไปนี้
1.รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่สามารถขจัดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นให้บรรเทาเบา บางได้ ไม่ดำเนินการกับกรณีการทุจริตคอร์รัปชั่นในอดีต เช่น การไม่ดำเนินคดีบุกรุกและครอบครองที่ดินกรณีเขากระโดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย และที่ดินสาธารณประโยชน์ ในอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ แล้วยังบริหารราชการแผ่นดินด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่นหลายกรณี เช่น การกรณีแจกปลากระป๋องที่เน่าเสียให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยที่ภาคใต้ การทุจริตงบประมาณและการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการชุมชนพอเพียงและโครงการตามมาตรการไทยเข้มแข็ง การอนุมัติมติคณะรัฐมนตรีเรื่องการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันที่ไม่มีความโปร่งใส การขนสินค้าเข้ามาในประเทศเกินน้ำหนักและหลบหนีภาษีของกรรมการการบินไทย การปล่อยให้มีการขึ้นราคาค่าทางด่วยโทลล์เวย์โดยไม่ตรวจสอบความถูกต้องของกฎหมายเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน แผนการแปรรูปและการจัดซื้อจัดจ้างในการรถไฟแห่งประเทศไทยที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อนและความไม่โปร่งใส การซื้อตำแหน่งการโยกย้ายข้าราชการ ฯลฯด้วยปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้น ทำให้องค์กรระหว่างประเทศได้ระบุว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศในปีที่ผ่านมานั้นแย่ลงกว่าปีก่อนหน้า
2.รัฐบาลล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการแก้ไขปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ไม่มีความคืบหน้าใดๆกรณีการสะสางคดีการยิงระเบิด M-79 ใส่ผู้ชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในปี 2551 สำหรับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในปี 2552 ก็ไม่มีความคืบหน้าแต่ประการใด ทั้งคดีการใช้อาวุธสงครามรุมฆ่านายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ใจกลางพระนคร คดีการยิงระเบิด M-79 จากข้างกระทรวงกลาโหมใส่ผู้ชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ท้องสนามหลวง รวมยังไม่สามารถคลี่คลายปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ได้
นอกจากนี้รัฐบาลล้มเหลวในปัญหาด้านความมั่นคง ทั้งการป้องกันเหตุ การบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ข่มขู่คุกคามประชาชนและองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ โดยที่รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการจัดการใดๆได้ เสมือนหนึ่งว่าประเทศไทยไม่ได้มีหลักนิติรัฐแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามรัฐบาลกลับเจตนาปล่อยให้ข้าราชการประจำและคนในระบอบทักษิณดำเนินการกลั่นแกล้งใส่ความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยให้ได้รับความเสียหายมาโดยตลอด
3.รัฐบาลล้มเหลวในการบริหารจัดการด้านการใช้สื่อของรัฐ ไม่สามารถนำความจริงและทำความเข้าใจในการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารของ นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร และพวกให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบได้ ทำให้ปัญหาความแตกแยกในสังคมขยายตัวเพิ่มขึ้นจนทำให้สังคมเข้าสู่ภาวะความไม่ปรกติสุขในที่สุด
4.รัฐบาลล้มเหลวในด้านการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ไม่สามารถเสียสละผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่สามารถปฏิรูประบบราชการ ไม่สามารถปฏิรูปและพัฒนารัฐวิสาหกิจ เพื่อนำไปสู่การเมืองใหม่ตามข้อเรียกร้องของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้
ดังนั้น ข้อเรียกร้องของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตามแถลงการณ์ฉบับที่ 29/2551 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2551 จึงยังไม่ได้รับการตอบสนองเป็นที่น่าพอใจ สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันยังอยู่ในวนเวียนของการเมืองเก่าซึ่งมองผลประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป
จากสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอแสดงจุดยืนดังต่อไปนี้
ประการแรก เราขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีความกล้าหาญในการแก้ไขวิกฤติของบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ปัญหาความมั่นคง ปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย ปัญหาความล้มเหลวในการใช้สื่อของรัฐ ตลอดจนไม่มีทิศทางที่จะปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อยุติวิกฤติของชาติบ้านเมืองให้ได้โดยเร็วที่สุด
ประการที่สอง เรายังคงยืนยันอีกครั้งที่จะคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ใน 3 ประเด็น คือคัดค้านมิให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปลี่ยนแปลงพระราชอำนาจและโครงสร้างที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ คัดค้านมิให้ฟอกความผิดให้กับนักการเมืองและพวก และคัดค้านมิให้แก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ของนักการเมืองกันเอง
ดังนั้นเราขอยืนยันว่าความผิดที่เกิดขึ้นเพราะการกระทำของนักการเมืองไม่ใช่เป็นผลมาจากรัฐธรรมนูญ ดังนั้นกระแสข่าวการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองทั้งสิ้น ซึ่งถือเป็นความเสียหายของชาติบ้านเมืองโดยที่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อันใด
เราขอยืนยันที่จะดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเรียกร้องซึ่งยังไม่ได้รับการตอบสนองต่อไป จนกว่าจะประสบความสำเร็จตามความมุ่งหมายของเหล่าวีรชน และประชาชนผู้เข้าร่วมการชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างถึงที่สุด
ด้วยจิตคารวะ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
วันที่ 5 มกราคม 2553

พันธมิตรโคราชจี้ทางการปลดป้ายทักษิณ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 5 มค. เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.นครราชสีมา หรือ กลุ่มคนเสื้อเหลืองโคราช จำนวนประมาณ 30 คน ได้นัดรวมตัวเพื่อสำแดงพลัง และยื่นหนังสือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการพิจารณาเร่งด่วน กรณีมีการนำแผ่นป้ายขนาดใหญ่ ที่มีรูปภาพ อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และข้อความอวยพรปีใหม่ ไปติดตั้งที่บริเวณหน้าอาคารเชิดชัย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณสี่แยกวัดหนองบัวรอง ถ.จอมสุรางค์ยาตร์ ตัด กับ ถ.บัวรอง เขตเทศบาลนคร ฯ โดยเครือข่ายพันธมิตร ฯ ต้องการให้ปลดป้ายลงอย่างไม่มีเงื่อนไข
ต่อมานายสุพจน์ พิริยะเกียรติสกุล รองประธานเครือข่ายพันธมิตร ฯ ได้อ่านแถลงการณ์ว่า สืบเนื่องจากกรณีที่มีผู้นำแผ่นป้าย มีภาพของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร และข้อความ อวยพรวันปีใหม่ และขอให้ชาวโคราช เป็นผู้นำนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทย พวกขอแสดงจุดยืนดังนี้
1. การกระทำเช่นนี้ เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากจุดที่มีการติดตั้งแผ่นป้ายของนักโทษชายทักษิณ ฯ เคยเป็นที่ประดิษฐาน พระบรมสาทิสลักษณ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ผู้กระทำได้ปลดพระบรมสาทิสลักษณ์ ออก แล้วนำแผ่นป้ายของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร มาติดตั้งแทน ส่อว่า ผู้ดำเนินน่าจะมีเจตนาลบหลู่สถาบันเบื้องสูง เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเป็นความผิดตามกฎหมาย จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการสืบสวน สอบสวน ว่า เป็นการกระทำของผู้ใด และหากพบว่า เป็นการกระทำผิดก็ขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด และผู้เกี่ยวข้องในฐานะผู้ร่วมกระทำผิด เพื่อธำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายต่อไป
2. เป็นการกระทำส่อแสดงว่า ผู้ดำเนินการมีเจตนา เพื่อแสดงต่อสาธารณชน ให้เห็นว่า สถาบันตุลาการ ซึ่งเป็นเสาหลัก สถาบันหนึ่งของชาติ และเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดว่า นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย เท่ากับเป็นการเจตนาทำลายล้างระบอบการปกครองของชาติ และเป็นการต่อต้านขัดขวางบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน
3. การจะเดินทางกลับประเทศไทย หรือไม่นั้น เป็นสิทธิส่วนตัวของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ไม่มีใครต่อต้าน ขัดขวางการกลับประเทศได้แต่อย่างใด แต่เหตุที่ไม่กลับ เพราะกล วความผิดที่ได้กระทำเอาไว้ และจะต้องมารับโทษตามกฎหมาย นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร และผู้เกี่ยวข้อง มีเจตนาที่จะให้นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทย ด้วยอำนาจพิเศษ นอกเหนือจากวิธีการตามบทบัญญัติของกฎหมาย เป็นการส่อเจตนาว่า จะมีการทำลายล้างระบอบการปกครองของประเทศชาติ เหยียบย่ำสถาบันหลักของชาติ และเป็นการเหยียบย่ำความศักดิ์สิทธิ์ของศาลสถิตยุติธรรม อันเป็นการกระทำที่ไม่สมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ยังคิดอยากจะมามีอำนาจในประเทศอีก นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร จะต้องให้การยอมรับในสถาบันหลักของชาติ และยอมรับในความศักดิ์สิทธิ์ของการวินิจฉัย ชี้ขาดคดีของสถาบันตุลาการโดยเคร่งครัด จึงจะสามารถทำหน้าที่เป็นผู้นำของชาติได้ และเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้ามามีอำนาจได้อีก ไม่สมควรที่จะยอมรับนับถืออีกต่อไป
จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุม ได้เดินเท้าไปที่ทางเข้าอาคารศาลากลางจังหวัด เพื่อยื่นหนังสือกับนายวิทยา กามนต์ ปลัด จ.นครราชสีมา ที่เป็นตัวแทน นายประจักษ์ สุวรรณภักดี ผวจ.นครราชสีมา และที่ สนง.เทศบาลนคร นครราชสีมา เพื่อยื่นหนังสือกับนายรังสรรค์ อินทรชาธร รองนายกเทศบาลนคร นครราชสีมา ที่เป็นตัวแทนนายสุรวุฒิ เชิดชัย นายก ฯ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานที่ติดตั้งป้าย ฯ ได้รับมอบหมายให้มารับแทน ต่อด้วย ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา และ แม่ทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี ซึ่งตัวแทนมารับหนังสือเช่นกัน
ต่อมานายรังสรรค์ ฯ รองนายกเทศบาลนคร ฯ กล่าวกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า สถานที่ติดตั้งป้ายนั้นเป็นอาคารเอกชน ทางเทศบาลนคร ฯ ไม่มีอำนาจที่จะไปดำเนินการได้ แต่จะเร่งดำเนินการ นำหนังสือแถลงการณ์ แจ้งต่อนายก ฯ ที่มีอำนาจสูงสุด ให้รับทราบถึงปัญหา และความต้องการของกลุ่มผู้ชุมนุม
ด้าน นายสมชาย ลิขิตวรสิริ หรือชัย กองเมือง อายุ 53 ปี แนวร่วมกลุ่มพันธมิตรโคราชกล่าวว่า เนื่องจากแรกเริ่มเดิมที อาคารแห่งนี้เคยนำป้ายพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ มาติดตั้ง ชาวโคราชที่สัญจร ผ่านไปมา ก็มีความพอใจ แต่เมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางเจ้าของอาคาร ที่คนโคราชทราบดีว่า เป็นของตระกูลเชิดชัย ที่มีเจ้เกียว นางสุจินดา เชิดชัย เจ้าแม่รถทัวร์ประเทศไทย ผู้เป็นแม่นายอัสนี เชิดชัย สส.สัดส่วน พรรคเพื่อเพื่อไทย และนายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศบาลนคร ฯ ได้สั่งการให้ปลดป้ายพระบรมฉายาลักษณ์ ออกแล้วนำป้ายอวยพรปีใหม่ของ ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นแสดงแทน แต่สิ่งที่ทำให้ไม่พอใจอย่างยิ่ง คือ เมื่อก่อนหน้าที่ที่แสดงป้ายพระบรมฉายาลักษณ์ ฯ นั้น ในช่วงกลางคืนไม่มีการฉายแสงไฟส่องสว่างเลย ซึ่งต่างกับป้ายของ ทักษิณ ชินวัตร ที่มีการประดับแสงไฟส่องสว่าง ราวกับเป็นการเทิดทูนอดีตนายก ทักษิณ ฯ มากกว่าในหลวง อยากต้องการให้ประชาชนตระหนักว่าเจ้าของอาคารนั้นเทิดทูนใครมากกว่ากัน มีความสมควรหรือไม่ที่นำรูปนักโทษหนีคดี ทั้งๆ ที่ศาลตัดสินว่าผิดแต่ไม่ยอมมาต่อสู้คดี มาขึ้นป้ายแสดง สิ่งเหล่านี้ชาวโคราชไม่สามารถรับกับพฤติกรรมนี้ได้
ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: เว็บไซต์ไทยรัฐ, เว็บไซต์คมชัดลึก, เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์, ASTVผู้จัดการออนไลน์, เว็บไซต์สยามรัฐ

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker