เหล็กใน
กลับมาจากชาร์ตแบตฯ วันแรกอาจจะงงๆ กันอยู่บ้าง
แต่ถือเป็นธรรมดา เพราะสถานการณ์การเมืองบ้านเราเป็นอะไรที่แปรเปลี่ยนปุบปับฉับไว
ใครไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้คงยากจะตามทัน
ถ้าใครสนใจอยากจะอัพเดตข่าวคราวความเคลื่อนไหว ทางการเมือง
สามารถเปิดอ่านย้อนหลังได้ ตามเว็บไซต์ข่าว หนัง สือพิมพ์ทั่วไป อย่างเช่น www.khaosod.co.th เป็นต้น
ซึ่งจะพบประเด็นน่าสนใจให้ต้องติดตามกันอย่างเช่นเรื่องปรับครม.
หลังจากนายวิทยา แก้วภราดัย ประกาศลาออกจากรมว.สาธารณสุข เพื่อรับผิดชอบต่อผลการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข
ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องรีบหาคนมาแทน
และน่าจะเกิดแรงกระเพื่อมตามมาเพราะในพรรคประชาธิปัตย์เองมีคนรอจ่อคิวอยู่จำนวนมาก
ทั้งยังมีเรื่องโควตาภาคเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่เห็นว่าล่าสุดที่มาแรงกว่าใครเพื่อนคือ นายชิน วรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล
ก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจะมีรายการ "พลิกโผ" หรือไม่
กับอีกเรื่องที่ห้ามกะพริบตาคือกรณีนายบรรหาร ศิลปอาชา หลงจู๊แห่งพรรคชาติไทยพัฒนา และนายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่ ค่ายภูมิใจไทย รวมทั้งนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน
ออกมา "ทุบโต๊ะ" เรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำรัฐบาล
เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร่งด่วนอย่างน้อยสองประเด็น คือ มาตรา 190 และระบบการเลือกตั้ง ให้กลับไปใช้แบบเขตเดียวเบอร์เดียว
ไม่เช่นนั้นพรรคร่วมทั้งสามอาจหันไปสนับ สนุนฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทย ในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เข้าสภา
เจอดอกนี้เข้าไปพรรคประชาธิปัตย์ถึงกับจุก
ไม่น่าจะฝืนเล่นเกมยื้อต่อไปได้
อย่างที่แกนนำพรรคร่วม "ตัวจริง" บางคนออกมาส่งสัญญาณเตือนว่า
เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจสร้างปัญหาให้รัฐบาล มากกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านหรือการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงเสียด้วยซ้ำ
ถ้าหากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ยังทำตัว "หลักลอย" ตามฉายาที่สื่อมวลชนมอบให้
เสถียรภาพรัฐบาลอาจเกิดการพลิกผันร้ายแรงเกินคาด
และจะเป็นบทพิสูจน์คำกล่าวที่ว่า "การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร"
ยังไม่เชยเกินไปสำหรับพ.ศ.นี้