คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
คาดเชือก คาถาพัน
ทิ้งอนุสรณ์สถานที่ชื่อ "หมู่บ้าน 2 มาตรฐาน" ไว้ให้ดูต่างหน้า
แม้การชุมนุมเป็นไปโดยสงบ แต่ก็รู้ๆ กันว่า การเมืองที่รออยู่ข้างหน้าคงจะหาความสงบได้ยาก
โดยสรุป งานนี้พล.อ.สุรยุทธ์เสียหายไม่น้อย ด้วยสถานะและตำแหน่งไม่อนุญาตให้กระทำการล่อแหลมต่อกฎหมายและหลักจริยธรรม
แม้อัยการจะไม่ฟ้องคดีบุกรุกป่าสงวน ด้วยเหตุผลว่าขาดเจตนา แต่คำถามคือ เหตุผลในการไม่ฟ้องครั้งนี้ จะใช้เป็นบรรทัดฐานในการวินิจฉัยปัญหาทำนองเดียวกันได้หรือไม่
การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในกรณีพล.อ.สุรยุทธ์ มีเป้าอยู่ที่ระบบยุติธรรม
ที่เงียบๆ ไป แต่เสื้อแดงยังถามถึงทุกวันก็คือคดีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ ที่รอการเคาะจากประธานกกต.อยู่
เรื่องใหญ่ที่ทุกฝ่ายรอฟังคือ คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่จะตัดสินในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้
ในช่วงนี้ จะได้เห็นการโหมเคลื่อนไหวแสดงพลังของคนเสื้อแดงถี่ยิบเป็นพิเศษ
ปฏิทินการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่เปิดเผยออกมาแล้ว มีทั้งบุกกรมป่าไม้ ทวงถามเรื่องเขายายเที่ยง บุกสำนักราชเลขาธิการ ทวงฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ, บุกสนามกอล์ฟเขาสอยดาว จ.จันทบุรี โดยโยงเข้าไปทางกลุ่มที่เรียกว่า "อำมาตย์" ฯลฯ
ฟังดูดุเดือดยุ่งเหยิงพอสมควร เพราะจะเป็นการเคลื่อนไหวในลักษณะของม็อบ
รัฐบาลคงจะหนักใจอยู่ไม่น้อย นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังต้องมุดบ้านสี่เสา ไปพบพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
หนทางในการรับมือสถานการณ์ คาดว่ารัฐบาลคงใช้กฎหมายและระดมกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
แต่ปมประเด็นสำคัญ อยู่ที่ "การเมือง" มากกว่า "การทหาร"
นั่นคือ การที่จะต้องสร้างความยุติธรรม จากจุดยืนที่เป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่สีไหน ล้มเลิกข้อครหา "2 มาตรฐาน" ให้ได้
ไม่เช่นนั้น ก็ต้องเข้าสู่หลักที่ว่า ใครทำอะไรก็ต้องได้อย่างนั้น
หลังคำตัดสินคดี 7.6 หมื่นล้าน เชื่อว่าสถาบันศาลจะยืนเด่นเป็นที่พึ่งในด้านความยุติธรรมของประชาชนต่อไป
แต่องค์กรของฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะรัฐบาลนี่ยังสงสัย
เป้าหมายที่จะอยู่รักษาสถานการณ์ให้ได้ 2 ปี หืดขึ้นคอแน่