คอลัมน์
เป็นประชารัฐ
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2711 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 8 มกราคม 2010
โดย อัคนี คคนัมพร
นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช หลายสมัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของพรรคประชาธิปัตย์ ลาออกจากตำแหน่งไปโดยอ้างมรรยาททางการเมือง
มรรยาทที่ว่าก็คือการที่กระทรวงสาธารณสุขได้รับงบประมาณไปทำโครงการไทยเข้มแข็งแล้วเกิดการทุจริตกันขนานใหญ่ มีการตั้งกรรมการขึ้นพิจารณาโครงการว่าเป็นการวางแผนทุจริตตามข้อกล่าวหาหรือไม่
ต้องไม่ลืมว่าตอนที่มีคำครหาและต่อมากลายเป็นข้อกล่าวหานั้น ไม่เพียงแต่นักการเมืองซีกฝ่ายค้านเท่านั้น แต่สมาคมแพทย์ชนบทเป็นตัวตั้งตัวตีสำคัญ
เหตุทั้งนี้เพราะแพทย์ชนบทเขาสัมผัสอยู่เอง
แต่นายวิทยา แก้วภราดัย ก็ปฏิเสธเสียงแข็งตลอดเวลาว่าไม่มีเรื่องเลวร้ายอย่างนี้
จนกระทั่ง นพ.บรรลุ ศิริพานิช ประธานกรรมการตรวจสอบ ออกมาแถลงว่าผลการตรวจสอบมีข้อมูลชัดว่าเตรียมการทุจริตจริง มีบุคคลเกี่ยวข้องทั้งข้าราชการและนักการเมืองนั่นแหละ นายวิทยา แก้วภราดัย จึงได้ลาออก
ลาออกทำนองเดียวกับนายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ลาออกไปเพราะปลากระป๋องเน่าก่อนหน้านี้
การลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีของนายวิทยาจะได้รับคำชมหรือว่าเพียงแต่ได้รับท่าทีอุเบกขาก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้นายวิทยาดูดีกว่านายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขแห่งพรรคภูมิใจไทย อยู่มาก
นายมานิตมีชื่อเกี่ยวพันกับกรณีที่ถูกกล่าวหาอยู่มาก แต่ถึงคราวที่จะต้องลาออกเพื่อแสดงสปิริตกลับทำตรงกันข้าม คือยืนยันตาบอดตาใสว่าไม่ออก แล้วก็นำเรื่องไปให้กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยพิจารณา
กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยก็ช่างกระไร แทนที่จะตัดสินชี้ขาดปัญหากลับโยนไปให้นายเนวิน ชิดชอบ กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งเป็นคนถูกตัดสิทธิทางการเมืองให้เป็นคนชี้ขาด
ผลการชี้ขาดออกมาว่าให้นายมานิตอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าเรื่องจะไปถึง ป.ป.ช. และ ป.ป.ช. ชี้มูลว่าผิดค่อยออกตอนนั้น
ข้อตกลงใจทางการเมืองแบบนี้ทำให้เห็นว่ามาตรฐานทางจริยธรรมของพรรคภูมิใจไทยต่ำ เทียบกันไม่ได้กับพรรคประชาธิปัตย์
ดังนั้น เราจึงได้เห็นต่อมาว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวและเย็นชาต่อนายมานิตอย่างยิ่ง
นายมานิตเลยยื่นหนังสือลาพักการทำงานเป็นเวลา 1 เดือน
ซึ่งต้องถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยในวงการการเมืองไทย
ยิ่งมีปรากฏการณ์แปลกประหลาดเข้าไปใหญ่ เมื่อต่อมานายอภิสิทธิ์ปฏิเสธไม่ยอมอนุมัติใบลาพักของนายมานิต พร้อมกับมีข่าวตามหลังออกมาว่า นายอภิสิทธิ์จะใช้วิธีปลดนายมานิตแทนการปล่อยให้ลาออกไปเอง
ดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่กระทรวงสาธารณสุขแล้ว จะเห็นว่ารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ใกล้ถึงจุดไฟธาตุแตกเต็มที ลำพังกระทรวงสาธารณสุขเรื่องโครงการไทยเข้มแข็งอย่างเดียวก็ออกอาการเอียงกระเท่เร่ ถ้าหากบวกเรื่องโครงการชุมชนพอเพียงของนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เข้าไปด้วยจะมิพังไปเลยหรือ?
“ชุมชนพอเพียง” นั้นถูกโวยวายจากเจ้าของพื้นที่คือชุมชนต่างๆในกรุงเทพมหานครมาก เพราะกรรมการชุมชนถูกยัดเยียดโครงการให้ได้ของที่ชุมชนไม่ต้องการ ซ้ำราคาก็แพงเกินความจริง นายอภิสิทธิ์แก้ปัญหาด้วยการโยกนายกอร์ปศักดิ์ออกจากตำแหน่งรองนายกฯให้ไปเป็นเลขาธิการนายกฯ แล้วให้คนอื่นมาดูแลงานชุมชนพอเพียงแทน
แต่แล้วนายกอร์ปศักดิ์ยังไม่ทันได้รับการโปรดเกล้าฯ ชุมชนตามต่างจังหวัดก็ออกมาโวยผ่านจอโทรทัศน์อีกจำนวนมากว่า พวกเขาก็ถูกยัดเยียดเช่นเดียวกัน
นั่นหมายความว่ามีการทุจริตคอร์รัปชั่นจากโครงการชุมชนพอเพียงจริง และมากจนตามปกปิดกันไม่ไหว
แล้วอย่างนี้จะให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำอย่างไร
จะให้แสดงสปิริตอย่างเดียวกับนายวิทยา แก้วภราดัย หรือว่าจะหน้าด้านหน้าทนอยู่อย่างนายมานิต นพอมรบดี
ใครคิดออกช่วยตอบที