ทุกอย่างกำลังเดินสู่จุดหักเหทางการเมืองที่มีประเทศเป็นเดิมพัน จะก้าวผ่านไปได้หรือไม่ยังคาดเดาไม่ได้ยิ่งใกล้วันชี้ขาดคดี "ยึดทรัพย์"ยิ่งเห็นร่องรอยชัดเจนขึ้นในรูปแบบต่างๆ
ข่าว "เขย่าขวด" สุดสัปดาห์นี้ สถานการณ์บ้านเมืองดูเหมือนจะไม่ปกติมากขึ้นเป็นลำดับ เดี๋ยวโน่นเดี๋ยวนี่จนวุ่นวายกันไปหมด
แต่ที่ดินเขายายเที่ยงคงจะปิดเกมไปแล้วเมื่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรียอมรื้อถอน ขนของออกจากบ้านแล้ว
หลังจากกรมป่าไม้ประกาศให้รื้อถอนภายใน 30 วัน
เป็นอุทาหรณ์สำหรับบุคคลที่ดำรงตำแหน่งสำคัญอย่าไปยุ่งกับลาภที่ไม่ควรได้ มัน จะเป็นภัยมาถึงตัวเสียชื่อเสียงโดยใช่เหตุ
และกลายเป็นปมการเมืองให้ร้อนแรงขึ้นมา
นี่ก็เรื่องที่น่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวม ของเศรษฐกิจพอสมควร เมื่อผู้บริหารระดับบิ๊ก 9 ธนาคารไปสมคบกับบริษัทค้าข้าวรายใหญ่สร้างหลักฐานเท็จทุจริตปล่อยกู้ 3.3 หมื่นล้าน
บริษัทข้าวรายนี้เจ๊งพังพาบไปแล้ว เม็ดเงินก้อนใหญ่จึงต้องสูญไปโดยปริยาย
ดีที่ดีเอสไอไปตรวจสอบพบและต้องดำเนินคดีกับบรรดาบิ๊กแบงก์ทั้ง 9 แห่ง เรื่องแบบนี้มันต้องจัดการให้เด็ดขาด
เพราะมันมีผลต่อความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและนานาชาติ รวมถึงระบบเศรษฐกิจ ที่กำลังฟื้นตัวแต่มาสมคบกันทุจริต
ต้องเอาเข้าคุกให้เข็ดหลาบ
มิฉะนั้น แบงก์ที่สูญเงินไปจะเสียเครดิต และทำให้ผู้ฝากเงินขาดความไม่
เชื่อมั่นอาจเกิดความวุ่นวายแห่กันถอนเงินออก แล้วมันจะยุ่งไม่รู้จบ
เหนืออื่นใด ยิ่งใกล้วันพิพากษาคดี "ยึดทรัพย์" สถานการณ์การเมืองเริ่มมีเค้าลาง ที่ส่อว่าจะเกิดเหตุใหญ่อย่างที่หวั่นใจกัน
มีการลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ห้องทำงานของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในกองบัญชาการกองทัพบก
แม้จะไม่มีผู้ใดเสียชีวิตแต่มันเป็นการกระทำเพื่อหวังผลสู่บุคคลเชิงสัญลักษณ์ในฐานะผู้นำเหล่าทัพ ซึ่งมีศักยภาพสูงสุดทางอำนาจ
ดิสเครดิตและเย้ยกันซึ่งๆหน้า
หลังจากปิดข่าวมาหลายวันแต่เรื่องอย่างนี้มันปิดไม่มิดหรอก มีแต่จะต้องเปิดเผยความจริงและเอาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้
มันต้องจัดการให้เด็ดขาด ชัดเจน เพื่อรักษากองทัพและความมั่นคงให้ได้
อย่างไรก็ดี จากการที่ตำรวจได้บุกค้นบ้าน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ซึ่งอยู่ระหว่างการถูกสั่งพักราชการ เนื่องจากขาดราชการไปต่างประเทศและท้าทายผู้ บังคับบัญชา
ปรากฏว่าพบอาวุธสงครามร้ายแรงเพียบ
นอกจากนั้น เมื่อขยายผลไปถึงบุคคลผู้ใกล้ชิดเสธ.แดง หลายคนก็ไม่แตกต่างกัน จึงมีการจับกุมตัวเพื่อดำเนินคดีสาวลึกลงไป พบว่ามีสมญามีประวัติที่ไม่ธรรมดาทั้งนั้น
ปฏิบัติการครั้งนี้เท่ากับ "ตีรังแตน" ไม่มีผิด
และยังสะท้อนภาพให้เห็นชัดว่าอาวุธสงครามและการก่อเหตุรุนแรงต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ล้วนมาจากขบวนการ "คนมีสี" ไม่กี่คนเป็นส่วนใหญ่ มันจึงต้องกวาดล้างกันให้สิ้นซาก
เหนืออื่นใด จากนี้ไปรัฐบาลต้องเตรียม รับมือให้ดี เพราะขบวนการนี้คงจะไม่หยุด แต่จะก่อเหตุแบบไหน อย่างไร การข่าวจะต้องเฉียบคม
แม้กระทั่งนายกฯเองก็อย่าประมาท เป็นอันขาด
ขณะเดียวกัน นายกฯก็จะต้องแสดงความเป็นผู้นำให้ครบเครื่อง เพื่อจะได้ก้าวผ่านจากเหตุทั้งหลายที่เกิดขึ้นเพื่อให้ประเทศนี้ยืนอยู่ได้ด้วยความสงบเรียบร้อย
แม้ว่าภายในจะเกิดปัญหาขัดแย้งในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลเปิดเกมกดดันอย่างหนัก
อีกทั้งในพรรคประชาธิปัตย์ก็แตกความเห็นกัน
และจะมีการประชุมเพื่อหามติว่าจะเอายังไงกันแน่ จะหนุน ฟรีโหวต หรือไม่เอาด้วย ต่างๆเหล่านี้ล้วนเกี่ยวพันกับเสถียรภาพรัฐบาลทั้งสิ้น
ที่สำคัญ เสถียรภาพรัฐบาลย่อมสัมพันธ์ ความมั่นคงของประเทศอย่างแยกไม่ออก คิดหรือทำอะไรจึงต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ด้วย
ต้องรู้ว่ากำลังสู้กับอะไรอยู่ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องลำดับความสำคัญของปัญหา อะไรหลักอะไรรอง อะไรควรประนีประนอม อะไรควรเฉียบขาด
มิฉะนั้นได้เอวัง...แน่!!!
"ลิขิต จงสกุล"