ร้าวลึกในรัฐบาลดูท่าจะแก้ยากเสียแล้ว พรรคร่วมจับมือกดดัน ปชป.แก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้ายังออกลูกลีลา ก็ต้อง "แตกหัก" เพื่อไทยได้ทีดึงเกมซักฟอกลอยแพนายกฯปลดล็อกภูมิใจไทย
ข่าว "เขย่าขวด" สุดสัปดาห์นี้ ความแปรปรวนของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นไปทั่วโลก ย่อมส่งสัญญาณเตือนให้ตระหนักว่าความสมดุล ซึ่งธรรมชาติสร้างขึ้นมานั้น
กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันเล่นๆ หรือจินตนาการกันเอง แต่มันกำลังจะเป็นของจริงที่ทุก ประเทศทั่วโลกจะต้องร่วมกันแก้ไข โดยเฉพาะ ภาวะโลกร้อน
ฝนตกผิดฤดู หิมะถล่มเมืองใหญ่ในยุโรป อเมริกา อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่ อเมริกาใต้กลับร้อนตับแตก ภูเขาหิมะขั้วโลกพังทลายอย่างน่าตกใจ
แม้แต่เมืองไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแท้ๆกลับมีฝนตกหนักติดต่อกัน
นี่คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
ว่ากันถึงการเมืองไทยก็ยังปั่นป่วนและกำลังเดินไปสู่จุดที่น่าจะเรียกว่าใกล้จุด "แตกหัก" เต็มทนแล้ว เพียงแต่ว่ามันจะถึงขั้นไหนเท่านั้น
11 ม.ค. 53 เสื้อแดงเปิดฉากปฏิบัติการบดขยี้อำมาตย์ด้วยการนัดชุมนุมใหญ่ที่เขายายเที่ยง เพื่อกดดัน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งมีบ้านพักอยู่บนนั้น
เป้าหมายเพื่ออะไรและใครคงไม่ต้องบอก
อย่างไรก็ดี อัยการได้ชี้แจงว่าไม่สั่งฟ้อง พล.อ.สุรยุทธ์และพวก เนื่องจากขาดเจตนาบุกรุก แต่จะต้องคืนที่ดินผืนนี้ให้รัฐ
เมื่อชี้ออกมาอย่างนี้ก็ต้องยุติการครอบครองและคืนหลวง
ว่าที่จริงแล้วหลังจากที่เรื่องนี้เป็นข่าวครึกโครมขึ้นมา พล.อ.สุรยุทธ์ควรจะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งตั้งแต่แรกแล้ว
ไม่ใช่ดึงเรื่องเอาไว้ อ้างต้องรอการชี้ขาดทางกฎหมาย
ในสถานะที่ดำรงอยู่คือตำแหน่ง "องคมนตรี" ซึ่งมีความสำคัญ การกระทำใดๆที่คาบลูกคาบดอกในเงื่อนปมกฎหมายหรือความถูกต้อง
เป็นเรื่องที่จะต้องพึงระวังและไม่ควร เข้าไปเกี่ยวข้องหรือข้องแวะ
วันนี้มันเลยกลายเป็น "ของร้อน" เป็นปม การเมืองและทำให้เกิดความเสียหายขึ้นมา
ปฏิทินการเมืองเรื่องการปรับ ครม. ประชาธิปัตย์มีมติตั้งรัฐมนตรีเรียบร้อยไปแล้ว โดยให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ โยกไปเป็น รัฐมนตรีสาธารณสุข และให้นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ เป็นรัฐมนตรีศึกษาฯ
เพื่อปิดเกมขัดแย้งภายในและกดดันพรรคภูมิใจไทยที่นายมานิต นพอมรบดี รมช. สาธารณสุข ซึ่งไม่ยอมลาออก
นายกฯประกาศแล้วว่าหากยังไม่ลาออก จะขอตัดสินใจเอง ความหมายก็คือต้องปลดแน่ เพื่อให้เป็นไปตามกฎเหล็ก 9 ข้อ
แถมสำทับด้วยว่า สัปดาห์หน้าจะยื่นรายชื่อรัฐมนตรีเพื่อให้โปรดเกล้าฯ
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นย่อมสร้างความไม่ พอใจให้กับบรรดาแกนนำพรรคภูมิใจไทยอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เมื่อยังต้องกอดคอร่วมรัฐบาลกันต่อไปก็ต้องคลี่คลายปัญหานี้
เพื่อไม่ให้เกิดการ "แตกหัก" จนทำ ให้เกิดการ "ยุบสภา" ได้
ด้วยการให้นายมานิตตัดสินใจเองว่าจะลาออกหรือไม่ เท่ากับว่าเป็นการกดดันไปในตัว และพรรคภูมิใจไทยไม่เสียหน้ามากนัก
ข้อสำคัญก็คือ หากไม่ลาออกแล้วนายกฯตัดสินใจปลดเองอาจจะต้องเสียโควตารัฐมนตรี ของพรรคก็ได้
เพราะนายกฯอาจจะตั้งคนของประชาธิปัตย์แทนที่ก็ได้
อย่างไรก็ดี เหตุนี้ย่อมทำให้เอกภาพในรัฐบาลเกิดความขัดแย้งเพิ่มเข้าไปอีก ซึ่งจะ สอดรับกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลได้ส่งสัญญาณชัดเจน แล้วว่าเอาแน่ ก่อนหน้าที่เคยกดดันในระหว่างแกนนำ แต่ล่าสุดแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินที่ไปอวยพรปีใหม่นายบรรหาร ศิลปอาชา ถือว่าเป็นการเปิดเผยต่อสาธารณะแบบไม่อ้อมค้อมกันแล้ว
พูดง่ายๆว่า เปิดหน้าชกกันเลยและยังประกาศเตรียมพร้อมเลือกตั้ง
หากประชาธิปัตย์ไม่ทำ พรรคร่วมทุกพรรคจะจับมือกันและเดินหน้าทันที พร้อมๆกับการไปจับขั้วกับพรรคเพื่อไทยเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
ถ้านายกฯและประชาธิปัตย์ยังออกลีลาไม่เอาด้วย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
สิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐบาลนั้น พรรคเพื่อไทย จึงอ่านทางออกและต้องเล่นบทขยาย "จุดแตก" เพิ่มรอยร้าวให้มากขึ้น
และยังไม่ยอมยื่นญัตติซักฟอกเพื่อไม่ให้กระทบต่อพรรคภูมิใจไทยที่มีรัฐมนตรีถูกจองกฐินแล้ว
เกมชิงดำแบบนี้ต้องอ่านกันให้ทะลุ!!!
"ลิขิต จงสกุล"