คอลัมน์ เหล็กใน
สื่อมวลชนรายงานข่าวตรงกันว่ามีการหารือเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของม็อบเสื้อแดง และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่พยายามปิดเกมเพื่อล้มรัฐบาล เนื่องจากจะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์จำนวน 7.6 หมื่นล้าน ในวันที่ 26 ก.พ.
นอกจากนี้ ยังมีกรณีพรรคร่วมรัฐบาล ที่พยายามกดดันให้เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงปัญหาที่ดินเขายายเที่ยง และกรณีม็อบเสื้อแดงจะบุกไปชุมนุมที่สนามกอล์ฟเขาสอยดาว จ.จันทบุรี ด้วย
ข่าวบอกว่าพล.อ.เปรมได้ให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ ไม่ อยากให้ตัดสินใจยุบสภา แต่อยากให้บริหารราชการต่อไป โดยรับปากว่าจะพูดคุยกับนายบรรหาร ศิลปอาชา เพื่อแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์อ้างว่าเข้าไปกราบขอพรปีใหม่ ส่วนที่สื่อเขียนว่ามีการไปพูดคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้นั้นความจริงไม่ได้คุยเลย พร้อมกับปฏิเสธด้วยว่าไม่ได้หารือเรื่องยุบสภา
แต่ยอมรับว่าพล.อ.เปรมสอบถามถึงภาพรวมของบ้านเมือง และขอให้ทำงานโดยยึดมั่นในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
"ผมไปกราบขอพรท่านก็อวยพรมาว่าให้ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตเท่านั้น พล.อ.เปรมก็ไม่ได้แสดงความเป็นห่วงในเรื่องใดเป็นพิเศษ เรื่องของเขาสอยดาว หรือเขายายเที่ยงก็ไม่ได้พูดถึง" นายอภิสิทธิ์ระบุ
ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์เอาจริงเอาจังอย่างมาก ในการพิทักษ์องคมนตรี ถึงขนาดระบุเป็น "สถาบัน" ไม่ควรนำมาเกี่ยวข้องกับการเมือง
แต่การเข้าพบประธานองคมนตรีของนายอภิสิทธิ์ และมีข่าวออกมาว่ามีการหารือเรื่องการเมืองด้วย
เป็นเรื่องน่าคิด และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
ในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค ออกมาแถลงทันทีว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 14 ระบุไว้ชัดเจนถึงหน้าที่ขององคมนตรี และประธานองคมนตรีว่าต้องไม่ฝักใฝ่พรรคการเมือง หรือเข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมือง การที่นายอภิสิทธิ์ เข้าพบและหารือเกี่ยวกับเรื่องทางการเมืองนั้นเหมาะสมหรือไม่
พร้อมยกกรณีเมื่อครั้งที่นายอภิสิทธิ์ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็มีการออกมาชื่นชมว่าคนไทยโชคดีที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อนายอภิสิทธิ์
ขณะที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยกลับถูกกล่าวหาว่าทรยศชาติ และขอฝากไปยังประชาชนให้ช่วยกันพิจารณาด้วย
การเข้าพบพล.อ.เปรมของนายอภิสิทธิ์ จึงเป็นประเด็นการเมืองอย่างช่วยไม่ได้