พลันที่มีความเคลื่อนไหวเรื่องที่ดิน "เขายายเที่ยง" ซึ่งเกี่ยวพันกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีทำให้เห็นภาพและปัญหาใหญ่ของประเทศนี้ในเรื่องการถือครองที่ดินได้ชัดเจนยิ่งขึ้น พูดง่ายๆว่าเป็นความเหลื่อมลํ้าในสังคมที่เกิดมาช้านานแล้ว
เหมือน "กลบขี้" เอาไว้ คุ้ยเมื่อใดก็เหม็นเมื่อนั้น
แต่คราวนี้คงจะเหม็นกันไปทั่วประเทศ และยากที่จะกลบเหมือนที่ผ่านมา เพราะมันบานปลายและจะลูบหน้าปะจมูกไม่ได้แล้ว
ปัญหาการถือครองที่ดินในประเทศนี้ แม้จะมีพื้นที่มากมาย แต่ก็ไม่สามารถที่จะแบ่งสรรให้คนไทยทั้งประเทศได้อย่างเท่าเทียม
"คนจน" ก็ยังไร้โอกาสและความเสมอภาค
ที่ผ่านมาพยายามที่จะหาที่ดินเพื่อให้นำไปใช้ประโยชน์และอยู่อาศัยในรูปแบบต่างๆ แต่เมื่อดำเนินการไปแล้วก็ไม่ประสบผลสำเร็จ และมีปัญหาเพิ่มเข้าไปอีก
แนวคิดที่จะใช้ผืนป่าที่อยู่ในเขตอนุรักษ์ เขตสงวน เขตอุทยานต่างๆ ด้วยการตัดแบ่งให้ชาวบ้านได้เข้าไปทำกิน อ้างว่าพื้นที่เหล่านี้หมดสภาพป่าแล้ว เพื่อให้เกิดความชอบธรรมในเชิงนโยบาย และระบุด้วยเงื่อนไขต่างๆ เช่น ว่าเข้าไปทำมาหากินได้ ตกทอดให้ลูกหลานได้
แต่ห้ามขาย ห้ามจำหน่ายจ่ายแจกให้บุคคลอื่น
กติกานี้ดูจะเป็นมาตรฐานใช้กับทุกพื้นที่ที่ตัดป่าให้กับประชาชนที่ยากจน ไม่มีที่ดินทำกินและอยู่อาศัย และทำให้ประชาชนเกิดความพึงพอใจ เหมือนว่ารัฐบาลพยายามที่จะเยียวยาช่วยเหลือ ดูไปก็เหมือนว่าเป็นประชานิยม หาเสียงหาคะแนนเห็นอกเห็นใจกันเต็มประดา
เอาเข้าจริงกลับไม่ได้เป็นไปเช่นนั้น ยิ่งพื้นที่ป่าที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ มีทิวทัศน์ มีธรรมชาติที่สวยงาม เห็นวิวทะเล วิวภูเขา อากาศดีเย็นสบาย ปรากฏว่าผืนดินเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของนักการเมือง พ่อค้า เศรษฐี ข้าราชการระดับสูง ทหาร ตำรวจ ฯลฯ แถมมีโฉนดประกันความแน่นอนอีกด้วย
เรียกว่าผู้มีอำนาจ คนรํ่าคนรวย คนที่มีโอกาสในสังคมที่ดีกว่าจะครอบครองเป็นส่วนใหญ่ สร้างบ้านพักหรูหรา สร้างสนามกอล์ฟใหญ่โต ดีไม่ดีมีนํ้าตก ลำธาร สร้างความชื่นฉํ่าให้กับเจ้าของ
อย่างบ้านพักของ พล.อ.สุรยุทธ์บนเขายายเที่ยงนี่แหละ
คำถามว่า บุคคลเหล่านี้ทำไมจึงสามารถครอบครองที่ดิน
ในลักษณะนี้ได้ ทั้งๆที่มีกฎ กติกา และเงื่อนไขกำหนดเอาไว้อย่างชัดเจน ก็เพราะเงิน อำนาจ การทุจริตประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมืองที่เกี่ยวข้องนี่แหละตัวสำคัญ
หากว่าไม่สมยอม ไม่ทุจริต ไม่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ มันคงจะไม่เกิดขึ้น นอกจากนั้นยังถือโอกาสเข้าไปครอบครองเสียเองด้วย
อย่าไปโทษชาวบ้านที่ได้สิทธิครอบครองแต่แรก เพราะเมื่อมีเงินก้อนโตๆมาล่อใจ หรือถูกบีบถูกกดก็จำใจต้องขาย ดิ้นรนไปหาที่ดินผืนอื่นๆทำมาหากิน
แน่นอนว่าเมื่อเกิดเหตุขึ้นมากรมป่าไม้ก็ทำเป็นไก่ตื่นทันที รู้หมดที่ดินที่เข้าลักษณะผิดกฎหมาย ผิดกติกามีกี่แห่งรู้หมด เขายายเที่ยง 401 แห่ง และที่อื่นๆอีกมากมายต้องเร่งสะสางไม่ใช่แค่ที่ดินของ พล.อ.สุรยุทธ์เท่านั้น
มันตลกและขำไม่ออกชวนให้ทุเรศมากเข้าไปอีก
ถ้าไม่มีเรื่องที่ดิน เขายายเที่ยงเกิดขึ้นมาคงไม่รู้ว่าตรงไหนผิดตรงไหนถูกกระนั้นหรือ ก็ไม่ใช่ เพราะรู้กันอยู่เต็มอกว่าอะไรเป็นอะไร ใครเป็นใคร แต่เพราะอำนาจและเงินจึงปล่อยเลยตามเลยมาตลอด
ครานี้จะไปสะสางก็ลำบาก เพราะมันมากและกระทบกันไปหมด อาจจะทำให้เดือดร้อนกันเป็นไฟลามทุ่งได้ ดีไม่ดีคนยากคนจนจะพลอยซวยไปด้วย เนื่องจากมีส่วนร่วมกระทำผิด
ขี้มันเหม็นครับ...กลบอย่างไรกลิ่นมันก็โชยออกมาอยู่ดี.
"สายล่อฟ้า"
