และแล้ว ครม. "มาร์ค 4" ก็เปิดโฉมอย่างเป็นทางการ
ไม่มีอะไรพลิกโผ ตามโปรแกรมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้คิวนำคณะรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติชั้น 14 โรงพยาบาลศิริราช ในที่ 18 มกราคม 2553 เวลา 17.30 น.
ผ่อนคลายปมล็อกทางการเมืองลงไปได้เปลาะหนึ่ง
หลังจากที่ตกอยู่ในห้วง "ขึงพืด" จากปม "คุณชายสะอาดติดกับดักโกง" นายกฯ อภิสิทธิ์ต้องจ่ายต้นทุนทางสังคมส่วนตัว ผนึกกับลูกเขี้ยวยี่ห้อประชาธิปัตย์ งัดเหลี่ยมเซียนเล่นกระแสเหยียบบ่าตีกิน ยื้อยุดฉุดกระชากกับพรรคภูมิใจไทย
เบี่ยงตัวหลบบาทามาได้แบบ "พี่เลี้ยง" ช่วย
และด้วยเงื่อนไขที่แม้แต่นายกฯอภิสิทธิ์ยังออกตัวยอมรับ การขยับปรับ ครม.รอบนี้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่มีตำแหน่งว่างลง
แต่ไม่พูดตรงๆเพื่อแก้เหลี่ยมการเมือง หลบคิวอภิปรายไม่ไว้วางใจ
แถมยังกั๊กจังหวะรอ "รื้อใหญ่" กันอีกรอบ อย่างที่นายกฯอภิสิทธิ์ "ขุดบ่อล่อปลา" ไว้ จะว่ากันอีกครั้งหลังคิวอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ในเมื่อสถานการณ์ก็ผ่านพ้น "เงื่อนเวลาพิเศษ" ไปแล้ว
สรุปว่า "มาร์ค 4" ก็แค่ "เจาะช่องฉุกเฉิน" ต่อท่อหายใจ ประคองตัวไปรอลุ้นช็อตต่อไปในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ในจังหวะที่ย่างเข้าสู่ "February Crisis" วิกฤติเดือนกุมภาพันธ์
ที่แน่ๆโดยยุทธศาสตร์ตีธง "รบขนาบ" ตามโปรแกรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สามารถ "ขีดวง" กำหนดเกมทำลายศัตรูได้อย่างมีประสิทธิผล
ตามกลเกม "แยกเป้า" ออกจากกัน
เริ่มจากพุ่งตอร์ปิโดถล่มไปที่เขายายเที่ยง "ขยายแผล" สร้างความบอบช้ำสาหัสให้กับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี
ก่อนเบนหัวรบไปที่สนามกอล์ฟ เขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี หวังให้สะเก็ดระเบิดกระดอนไปถึง "ป๋าเปรม" พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
"ล็อกเป้า" ที่หัวขบวนอำมาตย์ จำกัดวงไม่ให้ลามสูงไปกว่านั้น
เลี่ยงข้อหา "คอมมิวนิสต์" ปิดจุดอ่อนที่โดนโจมตีไม่จงรักภักดี "นายใหญ่" ส่งกำลังพลกองทัพเสื้อแดง เปิดสงครามการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์
ปลุกเร้ากระแสสองมาตรฐานในเมืองไทย เบื้องหลังของกลุ่มอำมาตย์ที่โค่นอำนาจ
ตีฆ้องประจานไปทั่วโลก
ในห้วงเวลาวัดใจ ก่อนนาทีประวัติศาสตร์ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ของอดีตผู้นำไทย ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553
ตามเกมที่อ่านทางกันได้ นาทีนี้ "ทักษิณ" ก็เหลือแค่มวลชนคนเสื้อแดง กับยุทธศาสตร์ "โลกล้อมประเทศไทย" ที่จะช่วยลุ้นทวงอภิมหาขุมทรัพย์
เร่งจังหวะบลัฟกันเรื่อง "สองมาตรฐาน"
และจากเกมรบนอกสภาที่เขายายเที่ยงกับเขาสอยดาว ก็หันมาที่เกมรุกในสภา
เริ่มวอร์มเครื่องศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจกันแล้ว
ล่าสุดตามสัญญาณที่ส่งซิกผ่านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ออกมา
ให้สัมภาษณ์ชัดถ้อยชัดคำ
"นายใหญ่" เตรียมเรียก "ทีมเชือด" บินไปเก็บตัวติวเข้มถึงใน "วอร์รูม" ประเทศกัมพูชา ตามโปรแกรมที่อดีตนายกฯทักษิณ จะบินมาบัญชาการเกมอยู่ในกรุงพนมเปญ
กระตุ้นฉาก "February crisis" ปั่นกระแสเขย่าขวัญให้ยิ่งระทึกอกระทึกใจ
และกับบทขู่ซึ่งๆหน้า นายสุรพงษ์อ้างด้วยว่า ขณะนี้ข้อมูลทุจริตโครงการต่างๆของรัฐบาลจากทุกสาย ได้ไหลไปอยู่ในมือ อดีตนายกฯทักษิณแล้ว
ในอารมณ์ที่ลูกทีม "อภิสิทธิ์" ฟังแล้วอาจไม่ให้ราคา
แต่ก็เสียวสันหลังวาบๆ
ตามจังหวะโหมโรงคิวเชือด ตีปี๊บศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา ตีขนาบไปพร้อมๆกับเกมรบประชิดหัวขบวนอำมาตย์ ของกองทัพคนเสื้อแดง
เข้าเหลี่ยม "นายใหญ่" เร้าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองให้ได้
ถึงจะไม่ได้อภิมหาขุมทรัพย์คืน
ยังไง "ทักษิณ" ก็ไม่ยอม "หมดตูด" ฝ่ายเดียว.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
