กระสา มันเสมอ
ทุกคนอยากมีชีวิตเป็นปกติสุข ประกอบสัมมาชีพสุจริต อยู่ได้ด้วยหน้าที่ มีเกียรติมีศักดิ์ศรีตามควรแก่อัตภาพ
ต่างเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันคนละไม้คนละมือ ใจหลากหลายน้อมใจเป็นหนึ่งเดียวในยามสามัคคีชุมนุมบรรเลง ร้องเพลงเพลงเดียวกัน พายเรือทิศทางเดียวกัน
ชุมชนเชยๆ แต่มีความสุขเช่นนั้น น่ามีมานานแล้ว ใคร อะไร ไปทำหล่นหายเสียที่ไหน
ลือกันว่า การเมือง เศรษฐกิจ สังคมคือตัวการขับเคลื่อนให้ชุมชนด้อยสุข เวลาไอ้ 3 ตัวนั่นกำเริบ
กำเริบแก้ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน
ดำเนินทางสายกลาง
และบริหารจัดการเป็น แบบเว้นในสิ่งที่ควรเว้น ประพฤติในสิ่งที่ควรประพฤติ
เมื่อการเมืองเป็นตัวกำหนดประเทศชาติและประชาชนส่วนใหญ่ให้เป็นไป
น่าประหลาดที่ปีใหม่ปีนี้ ประชาชนทั่วไปกลับเป็นห่วงรัฐบาล
ถ้าคนส่วนใหญ่เป็นไปในทางวัฒนะ ความเป็นห่วงจะแปรรูปไปหาอย่างอื่น เช่นสังคมมืดๆ บางมุม
ริมๆ หายนะ ต้องเป็นห่วงรัฐบาลทุกทีไป
ห่วงว่ารัฐบาลจะไปไม่รอด
เพราะพรรคฝ่ายค้านหรือ
ให้อภิปราย 7 วัน 7 คืนด้วย เสร็จแล้วก็หาคนมาประกบนายกฯ ไม่ได้
เพราะเศรษฐกิจตกต่ำหรือ
ไหนว่าราคาพืชไร่ขึ้นเป็นเงาตามตัว ชาวนาชาวไร่ลืมตาอ้าปาก กรรมกรไม่อดข้าว ใครจะเขย่ารัฐบาล
ถ้างั้น ห่วงตรงไหน
ห่วงกันว่า ประการแรก นายกฯ จะเข้าทรงร่างผิด คิดว่าเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักหรือเป็นโฆษกตลอดกาล
ผิดร่าง ผิดรูปก็ผิดงาน
ประการต่อมา พรรคแกนนำรัฐบาลตะบันเผลอเป็นพรรคฝ่ายค้านในรัฐบาลจนพรรคร่วมทนไม่ได้
ประการหนึ่ง ตายด้วยความโดดเดี่ยวจากมิตรประเทศใกล้เคียง เพราะไม่เปลี่ยนคน ไม่เปลี่ยนสันดาน
3 ประการดั่งนี้ ก็น่าห่วงรัฐบาลนัก
เชื่อเถอะว่า ไม่มีใครอยากเป็นศัตรูรัฐบาล ส่วนใหญ่อยากเห็นการเมืองนิ่ง ส่วนรวมจะได้มีเวลาทำงาน
แต่ถ้านิ่งแล้วประเทศชาติติดลบ
พูดเป็นบวกทุกอย่าง ขณะที่วุฒิภาวะไม่บวก
ไม่ทำอะไรให้ประชาชนเห็นกระจะ 1-2-3 ว่าเป็นบวกกับประเทศชาติและประชาชน
รัฐบาลก็น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
ไม่อยากรอถึงชาติหน้า รีบทำให้สำเร็จแต่เดี๋ยวนี้ดู ก่อนเดินจากไปโดยไม่มีใครเรียกกลับมา