บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553

เมื่อ GNH ไปกับ GDP ระวังความสุขของมึงกับทุกข์ของกู

ที่มา โลกวันนี้



คอลัมน์
คิดเหนือข่าว
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2706 ประจำวัน พฤหัสบดี ที่ 31 ธันวาคม 2009
โดย เรืองเดช จันทรคีรี

เรื่องแถลงผลงานในรอบหนึ่งปีของรัฐบาลก็ผ่านมาหลายวันแล้ว มีการวิจารณ์กันตามข้อมูลและมุมมอง ผมไม่อยากไปพูดซ้ำในรายละเอียด ประเดี๋ยวจะกลายเป็นจ้องจับผิดและมีอคติเกินไป ...ยังมีประเด็นหลงเหลือคาบเกี่ยวให้พอวิจารณ์อยู่บ้าง ซึ่งใครหลายๆคนอาจมองข้ามผ่านไป นายกรัฐมนตรีระบุถึงตัวเลขของเขาที่น่าพึงพอใจที่สุด เห็นจะได้แก่ดัชนีแห่งความสุข เพราะเดือนธันวาคม 2552 นี้ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แจ้งว่าคนไทยเรามีความสุขสูงมากๆ ซึ่งทั้งนี้ เกี่ยวเนื่องมาจากการหลอมรวมจิตใจเพื่อถวายความจงรักภักดี และด้วยพระบารมี โดยเหตุผลนี้คุณอภิสิทธิ์สรุปถึงความสุขของชาวไทยเรา แม้ไม่รวมตัวเลขในเดือนธันวาคมเข้าไปด้วย ซึ่งค่อนข้างจะเป็นสุข แต่ภายใต้ภาพรวมของรัฐบาลชุดนี้ยังสามารถเอาตัวเลขความสุขเข้ามาเฉลี่ยแล้วก็จะสูงกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา กล่าวง่ายๆคือ ประชาชนเป็นสุขกันมากกว่าปลายสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เกี่ยวเนื่องมาถึงรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์, นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์!

เมื่อมองความเชื่อมโยงและสัมพันธ์กันแบบอภิสิทธิ์ พอเข้าใจได้อีกว่าภายหลังการยึดอำนาจรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 คนไทยอาจมีความทุกข์สลับช่วงอยู่บ้าง แต่ในที่สุดก็กลายเป็นมีความสุขจนได้ ...ผมเองเห็นด้วยสำหรับชาวไทยที่จะถวายความจงรักภักดีต่อพระบารมีขององค์พระประมุขในเดือนธันวาคมที่เป็นวโรกาสแห่งการเฉลิมฉลองที่สำคัญ เรื่องนี้ชาวไทยจะต้องรู้สึกดีในจิตใจของตัวเอง เราอาจดูได้จากโทรทัศน์หลายๆช่องที่หยิบเอาตัวอย่างคนไทยซึ่งมีความสุขเป็นล้นพ้นนำมาเผยแพร่...ครับ ก็ดีสำหรับการพยายามชี้ให้เห็นความสุขกัน?

แต่การไปตีความว่าคนไทยมีความสุขในทุกๆมิติผมว่าไม่ใช่แน่ สุขกันเฉพาะได้ถวายความจงรักภักดีและพระบารมีของพระองค์ นี่เป็นความสุขใจของเหล่าพสกนิกรที่มีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท แต่อาจไม่ใช่ความสุขที่มีต่อนายมาร์ค ซึ่งรัฐบาลจะร่วมสุขและถวายความจงรักภักดีร่วมด้วยคงถือเป็นหน้าที่และความควรอยู่แล้ว หากแต่น่าจะมีขอบเขตการอ้างอิง ไม่ใช่ตีขลุมว่าเป็นความสุขที่เกิดขึ้นจากรัฐบาล อย่างนี้ถือเป็นการตีกิน แล้วถ้าราษฎรไม่มีความสุขจริงๆในมิติอื่นๆเกี่ยวกับปากท้อง ชีวิตความเป็นอยู่ มันก็ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องใดๆกับพระบารมีและความจงรักภักดี รัฐบาลควรมีขอบเขตของตัวเองในเรื่องนี้ เพราะ GNH ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความสุข ต้องสำรวจกันหลายๆด้าน จะไปจับสุ่มแค่ไม่กี่ปัญหาหรือเพียงบางตัวอย่างไม่ได้

เราลองพิจารณา Gross National Happiness หรือ GNH ให้ถ่องแท้ ข้อสรุปง่ายๆของมันคือ เรื่องความจำเป็นขั้นพื้นฐานต่อการครองชีวิตของประชาชน หรือเป็นบริการขั้นพื้นฐานของรัฐบาลที่จะต้องจัดและตอบสนองให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง ความจริงนั้นดัชนีชี้วัดความสุขของไทยก็มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายรับผิดชอบคอยดำเนินการเรื่อยมาอย่างต่อเนื่อง เรียกให้เป็นทางการว่า “ดัชนีความอยู่ดีมีสุข”

GNH เริ่มในสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตั้งแต่สมัยของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อมาใน พ.ศ. 2547 ก่อนสถานการณ์กู้ชาติจะตั้งต้น สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ประกาศดัชนีความอยู่ดีมีสุขของประเทศไทยอยู่ที่ 77.6% ครับ ถือเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ดีกว่าช่วงก่อนและหลังจากศึกกู้ชาติไล่ทักษิณเอามาร์คเข้ามาเสียบแทน ...GNH ของไทยความจริงไม่ได้เลียนแบบมาจากภูฏานเสียทั้งหมด ถ้าเราจะศึกษาให้ดีๆ ก่อน พ.ศ. 2523 กระทรวงมหาดไทยใช้ตัวชี้วัดอยู่อย่างหนึ่ง พวกคนบ้านนอกคอกนา กำนัน ผู้ใหญ่บ้านขณะนั้น ต่างรู้จักกันดีคือ จปฐ. หรือความจำเป็นขั้นพื้นฐาน

GNH คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เป็นไดโนเสาร์หรือแมลงสาบ ทุกๆรัฐบาลเราใช้กันมาทั้งนั้น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์, พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ, นายอานันท์ ปันยารชุน, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ, นายบรรหาร ศิลปอาชา, นายชวน หลีกภัย หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทุกๆคนก็ล้วนใช้ดัชนีของ GNH บริหารชาติบ้านเมืองควบคู่ไปกับ GDP (Gross Domestic Products) กันทั้งนั้นแหละครับ

...แต่เรามาดัดจริต ตอแหลในช่วงสมัยกู้ชาติ ขับไล่ทุนที่บอกว่าเป็นทุนสามานย์ พ.ศ. 2548 ราวๆนั้น GNH หรือความสุขทางใจได้ถูกนำมาใช้เป็นอาวุธทางการเมือง บอกกันว่ารัฐบาลชุดไทยรักไทยบริหารชาติบ้านเมืองล้วนประสบปัญหาผิดพลาด เนื่องจากเป็นหลักคิดปรัชญาทุนนิยม เอา GDP มาเป็นเครื่องมือดัชนีชี้วัดในการขยายตัวทางเศรษฐกิจ บริหารประเทศใช้แต่เงิน ทำให้วัฒนธรรมตกต่ำ ศีลธรรมเสื่อมทราม จิตวิญญาณไม่มี ขณะนั้นกลายเป็นศึกหนึ่งที่จับเอา GNH ไปชน GDP

...จนบัดนี้พอคุณอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีก็เห็นแถลงผลงานจับตาดูเรื่องภาวนาให้ GDP ขยายตัวในไตรมาสสุดท้ายและปี 2553 แต่ก็ฉลาดพอเอา GNH มาเป็นหลักนำ คือถึง GDP ร่วง ยังสามารถอ้างอิง GNH ได้อีกทางครับ ...แต่จะอ้างอย่างไรต้องระมัดระวังด้วย เดี๋ยวจะมีคนโพล่งออกมาว่า “นั่นมันความสุขของมึง แต่ไม่ใช่ความสุขของกู” พูดอย่างนี้แล้วจะยุ่ง
ครับ?

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker