บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553

หนัง Matrix การเมืองไทย กับข้อเปรียบเทียบเชิงพุทธ

ที่มา thaifreenews

รวบรวมเรียบเรียงโดย Ice angel

ต่อจากเวปบอร์การเมืองที่นายกทักษิณเขียนข้อความไว้ในทวิตเตอร์ว่า

อดีตนายกฯ ยังทวิตเพื่อตอบคำถามแฟนคลับถึงกระแสข่าวว่ารัฐบาลไทยจะทำสนธิสัญญาส่งตัว ผู้ร้ายข้ามแดนกับรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)เพื่อส่งพ.ต.ท.ทักษิณ กลับไทย ว่า
“ทุกรัฐบาลที่เขามายูเออีก็เพื่อจะมาชวนเขาไปลงทุนบ้าง มาขอซื้อน้ำมันบ้าง
ใครมาเรื่องไร้สาระ เรื่องการเมือง เขาไม่ให้ความสำคัญหรอกครับ”

พร้อมกล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่าง 2 มาตราฐาน ว่า

“ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เลิกต่อสู้
และจะขอผลัดยมบาลก่อนว่าจะยังไม่ขอตาย
จนกว่าจะได้ประชาธิปไตยและความเป็นธรรมคืนมา” และ

“ได้ดูหนังเรื่องmatrixไหมครับที่เขาให้เลือกยาให้กินระหว่างเม็ดสีน้ำเงิน
และเม็ดสีแดงตอนนี้คนไทยเจอยาสีน้ำเงินเห็นแต่ความเพ้อฝัน”

Ice angel ก็เคยได้ยินบรรดาปรมจารย์ กูรูทางการเมืองที่วิเคราะห์การเมืองเก่งๆ หลายคน เขาก็พูดถึงหนังเรื่อง Matrix ด้วยเเหมือกันและความสงสัยว่ามันเกี่ยวอะไรกันกับเรื่องการเมืองในบ้านเรา ฮืม เลยไปหาข้อมูลเกี่ยวกับหนัง
มีเวปหนึ่งเขาวิเคระห์ชี้ประเด็นให้แง่มุมในเนื้อหาของหนังเรื่อง Matrix ได้น่าสนใจน่าเอามาให้ได้อ่านต่อๆ กัน ตามนี้

The Matrix - Reloaded เป็นภาคที่ 2)
มีแง่มุมชวนคิดหลายอย่าง อาทิ คำถามเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของตัวตน อะไรคือความจริง การเข้าถึงสัจจะและการอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ บทความนี้จึงเขียนขึ้นมาเพื่อชวนกันวิเคราะห์ภาพยนตร์ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา พี่น้องตระกูลวาโชว์สกี ซึ่งเป็นผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวว่า "มีอะไรหลายอย่างที่โดดเด่น และน่าสนใจเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและคณิตศาสตร์ ซึ่งติดตราตรึงใจเรามานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกฎควอนตัมฟิสิกส์ และในแง่ที่ศาสตร์ทั้งสองมาบรรจบพบกัน"

บทความนี้พยายามที่จะสะท้อนให้เห็นว่าแต่ละฉากในภาพยนตร์มีความพยามยามดำเนินเรื่องให้สอดคล้องกับหลักพุทธศาสนาอย่างไรก่อนอื่นใคร่ขอบอกว่า นี่เป็นเพียงการเชื่อมโยงอย่างคร่าว ๆ เท่านั้น และไม่ได้มุ่งเน้นความถูกต้องตามหลักปริยัติอย่างเคร่งครัด

Matrix คือสังสารวัฏฏ์
Matrix เทียบได้กับอะไร Matrix เปรียบเสมือนมายาหรือสังสารวัฏฏ์ (คือ เราอาศัยอยู่ในโลกแต่เรารับรู้สิ่งต่าง ๆ อย่างไม่ถูกต้อง ด้วยจิตใจที่หลงผิดของเราเอง) การถูก Matrix ปิดบังให้มืดบอดไม่ใช่สิ่ง ที่เป็นไปไม่ได้ เหมือนกับสมัยนี้ ถ้าเราไม่ได้รับการศึกษา เราก็คงจะเข้าใจว่าโลกแบน

(เพราะตามันเห็นว่าแบนจริง ๆ ) หรือไม่ก็เข้าใจว่าพระอาทิตย์สว่างตอนเช้าแล้วดับตอนกลางคืน เพราะเชื่อสายตาของตนเอง

โลกนี้ช่างเต็มไปด้วยสิ่งลวงตาลวงใจมากเหลือเกิน!

ฝันร้ายของ Neo แม้ว่า Neo จะหวาดผวากับฝันร้ายซ้ำซากว่า Trinity ถูกยิง ตอนที่เธอจะ"ตาย" แต่เขาก็เชื่อว่า "มันจะไม่สิ้นสุด จนกว่ามันจะสิ้นสุด" เขาเชื่อเช่นนี้ เพราะเขายังไม่ได้เห็นเธอตายจริง ๆ ข้อนี้ช่วยให้เราระลึกได้ว่า แม้สิ่งต่าง ๆ มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นตามกฎแห่งกรรม แต่ก็อาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ ตราบใดที่เรามี"ความเพียร"ในการกอบกู้สถานการณ์ให้เปลี่ยนแปลงไป และตอนหนังใกล้จบ Neo ก็สามารถทำให้ Trinity ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้หลังจากที่เขาสามารถเข้าถึงภาวะใกล้ตายของเธอได้สำเร็จ

Neo ผู้มีเมตตาแต่ขาดปัญญาแม้ Neo จะมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเองว่าเขาเป็น The One ที่สามารถช่วยทุกคนให้รอดพ้นจาก Matrix ได้ แต่ Neo ก็บอกกับ Trinity ว่า "ผมเพียงอยากรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง"

Neo จึงเปรียบได้กับผู้ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความกรุณา แต่ขาดปัญญา ไม่รู้ว่าจะนำพาสรรพสัตว์หลุดพ้นจากสังสารวัฏฏ์ (การเวียนว่ายตายเกิด) ได้อย่างไร ตรงนึ้เท่ากับช่วยย้ำให้เราเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาปัญญาควบคู่ไปกับ ความกรุณา อุปมาเหมือนกับนกที่จะต้องมีสองปีก จึงสามารถบินได้

ศรัทธาที่มืดบอดของ Morpheus หลายคนสงสัยว่า ทำไม Morpheus จึงเชื่อมั่นในคำทำนายของ Oracle ยิ่งนัก เขาเชื่อตั้งแต่ภาคแรก และยืนยันความเชื่อที่ปราศจากเหตุผลรองรับ มาจนถึงภาค Reloaded ด้วยความเชื่ออันงมงายของ Morpheus ลูกเรือทุกคนต่างเต็มใจปฏิบัติตามคำบัญชาของเขาด้วยความเชื่อมั่นและไว้ใจในตัวเขา เขาคือผู้ที่ทำให้ประชาชนชาว Zion มีความหวัง แต่แล้วในตอนจบของหนัง มันได้กลับกลายเป็นความสิ้นหวังไป (แต่เราก็หวังว่า Neo จะสามารถช่วยชีวิตชาว Zion ได้ในภาคที่ 3) ความเชื่อมั่นในคำทำนายของ "Oracle" เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นในความยึดมั่นถือมั่นของ Morpheus ทำให้ได้เห็นความต้องการลึกๆ และความเชื่อมั่นของเขา อย่างไรก็ตามในที่สุด ความ(ไม่)จริงก็ได้ปรากฏตามที่มันเป็น(ไม่ได้เป็นไปตามความเชื่อของใครๆ) ตรงนี้ถ้าพิจารณาให้ดี จะเห็นว่าคนเราทั่วๆไปก็เหมือนกัน คืดจะเชื่อในสิ่งที่เราต้องการเชื่ออยู่แล้ว

ถ้าเป็นเช่นนี้จริง เราจำเป็นต้องการให้ Oracle มาบอกเราให้เชื่อในสิ่งที่เราเชื่อ หรือต้องการเชื่ออยู่แล้วหรือ! ไม่จำเป็นเลย ใช่ไหม


Left to right: Agents Brown, Smith, and Jones

ฉะนั้นอย่าตกเป็นเหยื่อของการหลอกตัวเอง เพราะขาดปัญญา Smith คือ"มาร" Smith ซึ่งไล่ล่า Neo อย่างไม่ลดละ อาจเปรียบได้กับมารในตัว Neo เอง ที่พยายาม "ฆ่า" เขาด้วยการขัดขวางไม่ให้เขาบรรลุเป้าหมาย (คือการรู้แจ้งสัจธรรม) ในภาคแรก Neo ไม่ได้ ทำลายล้าง Smith ให้สิ้นซาก เขาจึงกลับมาได้ในภาค 2 ตรงนี้บอกให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการกำจัดกิเลสมาร (ความโลภ ความโกรธ ความหลง) ในตัวเราให้หมดสิ้นไป


การที่ Smith สามารถ "เนรมิตกาย" ขึ้นมาตั้งมากมาย อาจเทียบได้กับการที่เรายอมให้กิเลสมารเกิดขึ้นในใจของเราอย่างง่ายดายและรวดเร็ว เพราะไม่ได้ฝึกจิตใจให้เข้มแข็งพอและมักทำอะไรตามความเคยชิน ไม่ทำด้วยความมีสติ เหตุการณ์ที่ซ้ำรอยเดิม ตอนที่ Neo หนี Smith อีกครั้ง Smith พูดว่า

"มันกำลังเกิดขึ้นอีกแล้ว เหมือนครั้งก่อนเลย"

"Everything that has a beginning has and end"

แต่ "กายเนรมิต" ของเขากลับพูดว่า "ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว" ตรงนี้บอกเราว่า การเวียนว่ายตายเกิด ทำให้เราต้องประสบเรื่องทำนองเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงกระนั้นเรื่องแต่ละเรื่องก็ไม่เหมือนกันเสียทั้งหมด และมีหลายครั้งที่เราสามารถพัฒนาเรียนรู้ให้เกิดประโยชน์ได้ ความเป็น SuperMan ของ Neo การที่ Neo เหาะได้เหมือนSuperMan สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของจิตใจที่มีอำนาจเหนือวัตถุ (ฤทธิ์) สามารถทำสิ่งที่เหลือเชื่อ (และดูเหมือนท้าทายกฎทาง Physics) ได้ อย่างไรก็ตามความสามารถนี้อย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เขารอดพ้นจาก Matrix ได้โดยเด็ดขาดเพราะอำนาจจิตไม่ได้นำมาซึ่งการรู้แจ้ง แต่เป็นเพียงผลพลอยได้ในกระบวนการฝึกจิตเท่านั้น

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker