นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แสดงความต่อคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและครอบครัว เมื่อวันที่ 19 มกราคม ว่า ตนไม่อยู่ในฐานะที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้เนื่องจากไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความถูกต้องหรือไม่ของทรัพย์สินนี้ แต่ขอแสดงความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นว่ากำลังเกิดความไม่ยุติธรรมขึ้นอย่างชัดเจน และจะมีผลเสียต่อกระบวนการยุติธรรมและหลักนิติธรรมของประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นห่วงว่ารัฐบาลและผู้สนับสนุนรัฐบาลกำลังวางแผนกันอย่างเป็นระบบเพื่อใช้กรณีนี้ ใส่ร้ายประชาชนที่เคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยหรือแม้กระทั่งอาจลามปามไปถึงขั้นปราบปรามประชาชนด้วย
นายจาตุรนต์ กล่าวว่าสิ่งที่เห็นความไม่เป็นธรรมอย่างชัดเจนที่เกิดขึ้นแล้วมี 3ประเด็นคือ 1.การใช้คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) ซึ่งคณะรัฐประหารแต่งตั้งขึ้นมาจากบุคคลที่ประกาศตนเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับพ.ต.ท.ทักษิณอย่างโจ่งแจ้ง ทำหน้าที่สอบสวนโดยไม่จำเป็นต้องทำตามกฎหมาย เนื่องจากได้รับการคุ้มครองโดยรัฐธรรมนูญมาตรา 309 2.นอกจากนี้ผู้มีอำนาจจงใจ สั่งการ และปล่อยปละละเลยให้มีการแสดงความเห็นในทางที่เป็นผลร้าย สร้างกระแสให้ยึดทรัพย์เข้าข่ายกดดันศาลกันตามอำเภอใจ และ3.มีการสร้างกระแสโดยรัฐบาล ผ่านสื่อมวลชนของรัฐอย่างต่อเนื่องใส่ร้ายการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยว่า ต้องการใช้ความรุนแรงเพื่อกดดันศาลและจะเกิดความรุนแรงอย่างมากหลังการตัดสินคดี และสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นด้วยการกล่าวหาว่าต้องการล้มล้างสถาบัน จนอาจมองได้ว่ารัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงกำลังสร้างเงื่อนไขเตรียมการในการปราบประชาชน
"ผมขอถามไปยังนายกรัฐมนตรีว่าการที่นายกรัฐมนตรีและพวก พูดในทางคาดการณ์ว่าหลังการตัดสินจะมีความรุนแรงมากขึ้นนั้น นายกรัฐมนตรีกับพวกรู้ผลการตัดสินคดีนี้กันล่วงหน้าแล้วหรืออย่างไร เหตุใดนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลนี้ จึงปล่อยให้สื่อมวลชนของรัฐบาลกดดันศาลและยั่วยุให้เกิดความเกลียดชังในลักษณะปูทางไปสู่การปราบปรามประชาชน" นายจาตุรนต์ กล่าว