คอลัมน์ เหล็กใน
สรุปออกมาแล้ว
นั่นคือ พล.อ.สุรยุทธ์ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินจัดสรรดังกล่าว ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2518
ที่จัดสรรที่ทำกินเพื่อการเกษตร โดยไม่สามารถซื้อขาย ยกเว้นตกทอดไปสู่ลูกหลาน
ขั้นตอนต่อไป อธิบดีกรมป่าไม้จะนำผลสรุปดังกล่าวเสนอต่อรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้แจ้งต่อพล.อ.สุรยุทธ์รับทราบ
เมื่อรับทราบแล้วก็จะต้องออกจากพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งรื้อสิ่งปลูกสร้าง และทรัพย์สินดังกล่าวภายใน 30 วัน
แต่พล.อ.สุรยุทธ์สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 15 วัน
ในส่วนทางคดีนั้น คงไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะอัยการสั่งไม่ฟ้อง โดยอ้างว่าพล.อ.สุรยุทธ์ขาดเจตนาบุกรุก
ต้องยอมรับว่าการที่สามารถสรุปเรื่องได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนหนึ่งก็เพราะกรมป่าไม้อาศัยคำวินิจฉัยของอัยการ ที่ระบุว่าไม่ผิด แต่ไม่มีสิทธิครอบครอง
ส่วนสำคัญที่สุดก็คือกลุ่มเสื้อแดงนับหมื่นบุกไปประจาน ปลูกบ้าน 2 มาตรฐาน หน้าบ้านพักเขายายเที่ยงของพล.อ.สุรยุทธ์
สะท้อนให้เห็นเป็นรูปธรรมว่า "2 มาตรฐาน" และ "อำมาตย์" มีอภิสิทธิ์เหนือชาวบ้านธรรมดาอย่างไร
ก่อนหน้านี้ พล.อ.สุรยุทธ์แสดงอาการยึกยัก ไม่ยอมคาย แต่บอกว่าพร้อมทำตามคำชี้ขาดของกรมป่าไม้
นั่นคือ ถ้าทวงก็จะคืนให้
ซึ่งทำเอาผู้คนเสียความรู้สึก สงสัยในสปิริต จริยธรรม และคุณธรรมไปตามๆ กัน
เพราะพล.อ.สุรยุทธ์ดูเหมือนว่าเป็นบุคคลสมถะ ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม
ที่สำคัญเป็นถึงองคมนตรี
ก่อนหน้านี้ อีกเหมือนกัน พล.อ.สุรยุทธ์ก็ถูกระบุเป็นคนที่ร่วมโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
นัดประชุมวางแผนกันที่บ้านใคร ก็รู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง
หลังจากมีการปฏิวัติวันที่ 19 กันยายน 2549 ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าผู้ก่อการ การันตีว่าเป็นคนดี เป็นคนที่ยกมือไหว้ได้อย่างสนิทใจ
แต่ตอนนี้ เมื่อพล.อ.สุรยุทธ์ถูกชี้ขาดว่าเข้าไปครอบครองที่ดินที่ตัวเองไม่มีสิทธิถือครอง
นอกจากจะต้องออกไป และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดภายใน 30 วันแล้ว
บางที พล.อ.สุรยุทธ์อาจจะต้องรับผิดชอบให้สูงยิ่งกว่านี้